(13 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
จัดรายการคืนความสุขให้ประชาชน ขอกำลังใจจากทุกฝ่ายในการทำงาน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงาน
ของเจ้าหน้าที่ จะพยายามใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด ใช้กฎอัยการศึกให้น้อยลงและจะไม่ใช้กฎหมายมา
ทำให้เกิดความขัดแย้ง พร้อมทั้งชี้แจงข้อสงสัยต่างๆและสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ย้ำว่าถ้ามี
ข้อสงสัยให้ถามมายังคสช.ได้ตลอด
การยกเลิกเคอร์ฟิว ได้ยกเลิกไปหลายจังหวัด กำลังพิจารณาว่าจะยกเลิกได้ทุกพื้นที่หรือไม่
กำลังดำเนินการโดยเร็ว
งานด้านความมั่นคง ได้มีการจับกุมอาวุธปืนสงคราม จำนวน 88 กระบอก ปืนเถื่อน ทั้งปืนพก ปืนลูกซอง
ปืนผลิตเอง จำนวนทั้งสิ้น 1,268 กระบอก กระสุน 7,000 กว่านัด ลูกระเบิด วัตถุระเบิด 300 กว่าลูก
และการจับกุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศนั้น จะยังคงเร่งดำเนินการต่อไป
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างต่างประเทศ หลายประเทศมีความเข้าใจมากขึ้น ได้หารือกับ
เอกอัครรราชทูตหลายประเทศ ให้ไปชี้แจงทำความใจ เพื่อที่จะมีการติดต่อ การเดินทางไปเยือน
ต่างประเทศ ตามเดิม และมีแผนจะเชิญผู้ประกอบการของหลายประเทศมาหารือ ให้เชื่อมั่นและลงทุน
ในไทยเหมือนเดิม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในเวทีต่างประเทศ ส่วนประเทศที่ไม่เห็นด้วย คสช.
จะไม่ตอบโต้ ต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจ ให้ประเทศต่างๆเข้าใจการทำงานของคสช.
การทำงานด้านการปฎิรูป 3 เดือนแรก ประสบความสำเร็จไปได้มาก และเริ่มเข้าสู่แผนระยะที่สอง
คาดว่าจะมีรัฐบาลในเดือนกันยายน เพื่อขับเคลื่อนประเทศต่อไป และประมาณเดือนตุลาคม
จะเป็นการบริหารประเทศในลักษณะเป็นรัฐบาลที่มีคณะรัฐมนตรี
การกำหนดนโยบายต่างๆ หรือการเบิกจ่ายงบประมาณ เน้นการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิด
ประโยชน์มากที่สุด โปร่งใส พิจารณาโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่
วงเงิน 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป หากตรวจสอบแล้วไม่เหมาะสม ก็ต้องหยุดดำเนินการ
จะพิจารณาทั้งโครงการที่ยังไม่ดำเนินการและโครงการที่ได้อนุมัติดำเนินการไปแล้ว
เพื่อป้องกันข้อสงสัย หัวหน้าคสช. ยืนยัน ต้องตรวจสอบเรื่องการทุจริต เพื่อประหยัดงบประมาณ
เรื่องเศรษฐกิจ มีการรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น แสดงว่านักลงทุนยังเชื่อมั่น
และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ 2557 ให้รวดเร็วตามเป้าหมาย ร้อยละ 95 ให้เม็ดเงินไป
กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่าย
งบประมาณภาครัฐ(คตร.) ยกเว้นจะไม่โอนงบประมาณไปยังโครงการที่ไม่ชัดเจน
เพื่อใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เรื่องการท่องเที่ยว หารือทุกภาคส่วนราชการเชิญชวนทุกประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางด้านการค้า
ให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย จะสังเกตได้ว่า หลัง 22พ.ค.มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากขึ้น
เห็นได้ว่าประเทศไทยมีสถานการณ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้น
การชดเชยเงินให้กับเกษตรกรชาวนา เร่งจ่ายให้แล้ว 6แสนกว่าราย เกือบ 7หมื่นล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 79 คิดว่าน่าจะจ่ายเงินชดเชยได้ทันภายใน 22 มิ.ย. ตามกำหนดเดิม
คสช.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการข้าว เร่งรัดจัดทำมาตรการในการช่วยเหลือต่อไป
การบริหารจัดการน้ำ มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดูแลเรื่องน้ำ
ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตรึงราคาสินค้า พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณผู้ประกอบการทั้งหมด เกี่ยวกับสินค้า อุปโภคบริโภค
ที่มาประชุมและยืนยันที่จะตรึงราคาสินค้า 205 รายการ ในราคาเดิมต่อไปในอีก 6เดือนข้างหน้า
เรื่องแรงงานต่างด้าว ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการแก้ปัญหา แรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายประมาณ 9หมื่นราย
กำลังดำเนินการโดยเน้นควบคุมดูแลแรงงานทุกประเภท และเร่งตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติ ต้องขอความร่วมมือ
ประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้ใช้เวลาพอสมควร คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จ1ปี
เรื่องพลังงาน เน้นเรื่องพลังงานทดแทน ใช้ผลผลิตภายใปประเทศ เพื่อลดภาระการนำเข้าพลังงาน
พร้อมทั้งอนุรักษ์ทรัพยากรด้วย ข้อมูลที่คสช. ได้รับมา ต้องนำมาวางแผนในการเตรียมการและใช้พลังงาน
อย่างประหยัดด้วย ให้ทุกฝ่ายไปเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องราคาต้องพิจารณาทั้งระบบ มีการรปรับ
โครงสร้างทั้งระบบ โดยเฉพาะเรื่องกองทุนน้ำมัน คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ต้องไปศึกษาพิจารณาข้อมูล
และทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย เนื่องจากกองทุนยังติดลบอีกจำนวนมาก
ให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียม
เรื่องการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต้องมีบทบาทมากขึ้น
และจะเรียกประชุมคณะกรรมการโดยเร็ว เนื่องจากมีโครงการจำนวนมากที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน
400กว่าโครงการ คิดเป็นวงเงินลงทุน 7.6แสนล้านบาท ให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ มีการถ่ายทอด
เทคโนโลยีให้คนไทย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมใช้พลังงานธรรมชาติ
เรื่องการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจ กำหนดกติกาในการดูแลการบริหารงาน ลดสิทธิผลประโยชน์ตอบแทน
ที่ไม่เหมาะสม เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและผู้ถือหุ้น ที่ต้องเข้ามาดูและพิจารณาด้วย คสช.
พยายามทำความเข้าใจกับทุกบอร์ด
เรื่องการศึกษา มอบนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการ ให้ไปเร่งปรับระบบการศึกษาให้สอดคล้อง
กับความต้องการของตลาดให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เน้นการเรียนทางด้านวิชาชีพให้มากขึ้น
และต้องพิจารณาปัญหาเรื่องการคืนเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
เรื่องโรงงานยาสูบ ซึ่งแผนเดิมจะย้ายไปสถานที่ตั้งแห่งใหม่ในปี 2558 ยัง คงให้เดินหน้าต่อในแผนงานเดิม
และให้มีนโยบายอะไรให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะ เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
และเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ ให้ต่อเนี่องจากระยะที่หนึ่ง ถ้าหากว่าไปทำประโยชน์กับสถานที่ตรงนั้นก็คง
จะเป็นเรื่องของการจัดทำพื้นที่ จอดรถอะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา
ดำเนินการ และให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน
โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ส่วนที่มีความสำคัญเร่งด่วน ตรวจสอบความโปร่งใสแล้ว เช่น รถไฟรางคู่
รางสาย รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย บางสายจะต้องสามารถเริ่มดำเนินการได้ก่อนสิ้นสุดปี 2557