พลตรี อู๋ เสี่ยวอี้ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจีน ประจำประเทศไทย กล่าวในโอกาสครบ 94 ปี สถาปนากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน
คำกล่าวของ พลตรี อู๋ เสี่ยวอี้ (吴小毅 / Wu Xiaoyi) ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ ๙๔ ปี แห่งการสถาปนากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (庆祝中国人民解放军成立94周年) ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. วันที่ ๑ สิงหาคมปีนี้เป็นวันครบรอบ ๙๔ ปีของการสถาปนา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนในระยะเวลา ๙๔ ปี ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กองทัพของประชาชนจีนได้ฟันฝ่า ต่อสู้กับสงครามและอุปสรรคมากมาย เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตมหาศาล ได้สร้างคุณูปการเชิงประวัติศาสตร์ ที่ไม่อาจลืมได้ เพื่อภารกิจการปลดปล่อยของประชาชาติจีน การสร้างสรรค์ และปฏิรูปของประเทศชาติ ตลอดจนปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ในการพัฒนาแห่งประเทศชาติ รักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของโลก และภูมิภาค เมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ ประเทศจีน ได้ผลักดันความทันสมัย ของการป้องกันประเทศและกองทัพ อย่างครบถ้วน ดำเนินการปฏิรูป การป้องกันประเทศ และกองทัพ อย่างรอบด้าน เพื่อปรับตัว ให้เข้ากับแนวโน้มการพัฒนาของการปฏิวัติใหม่ ในกิจการทหารของโลก และตอบสนองความต้องการ ด้านความมั่นคงแห่งชาติ และมีความก้าวหน้าทางประวัติศาสตร์ ในการสร้างกองทัพ ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น กองทัพจีนในยุคใหม่ กำลังพยายามมุ่งสู่เป้าหมายแห่งการเสริมสร้าง ให้เป็นกองทัพระดับแนวหน้า ของโลกอย่างรอบด้าน โดยการชี้นำของแนวคิด ในการสร้างกองทัพ ให้เข้มแข็งอย่างรอบด้านของ ท่าน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
๒. โลกในปัจจุบันกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ไม่มีมาก่อนในรอบ100ปี และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกเร่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ให้ มีวิวัฒนาการเร็วยิ่งขึ้น ปัจจัยที่ไม่แน่นอนไร้เสถียรภาพ และความท้าทาย เพิ่มมากขึ้น ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า เมื่อเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน ของโลก ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่ง ที่จะอยู่รอดได้เพียงลำพัง มนุษยชาติเรา มีเพียงทางออกเดียวก็คือ ร่วมแรงร่วมใจ และร่วมมือ ร่วมสู้เพื่อประสบผลสำเร็จร่วมกัน กองทัพจีนได้มุ่งมั่น และอุทิศภูมิปัญญา และกำลังของจีนมากยิ่งขึ้นในกระบวนการพิทักษ์สันติภาพของโลก ในด้านภารกิจปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ จีนเป็นประเทศที่ สนับสนุนเงินมากเป็นอันดับที่๒ และเป็นประเทศ ที่ส่งกองกำลังทหารมากที่สุดในบรรดาสมาชิกถาวร ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในด้านการปฏิบัติภารกิจตรวจการณ์ และปราบปรามโจรสลัด จนถึงปัจจุบัน จีนได้ส่งกองเรือคุ้มกันจำนวน ๓๘ ครั้งไปอ่าวเอเดน ทะเลอาหรับและน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลีย ได้คุ้มครองขบวนเรือขนส่งทางพาณิชย์กว่า ๖,๙๐๐ ลำ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นเรือของประเทศอื่น ในด้านกิจกรรมสาธารณสุขระหว่างประเทศ เรือพยาบาลเคลื่อนที่ของทหารเรือจีนที่มีชื่อว่า เรือสันติ ได้เดินทางออกไปเยือน ๔๓ ประเทศและภูมิภาคเป็น ๙ ครั้ง ได้ให้บริการทางการแพทย์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่เพื่อนต่างชาติมากกว่า ๒๓๐,๐๐๐ คน ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งนี้เป็นต้นมา กองทัพจีนไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศเท่านั้น ยังพยายามสนับสนุนประชาคมโลกโดยบริจาคเวชภัณฑ์ แก่กองทัพต่างประเทศถึง ๕๐ กว่าประเทศ อาทิ แทนซาเนีย เซอร์เบีย อียิปต์ อาร์เจนตินา ไทยและลาว เป็นต้น
นอกจากนี้ ได้ส่งทีมงานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไปยัง ๔ ประเทศ รวมถึงกัมพูชาและปากีสถาน อีกทั้งร่วมจัดการประชุม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยผ่านระบบการประชุมแบบทางไกล กับไทย รัสเซียและสิงคโปร์ รวมประมาณ ๒๐ประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ
๓. จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน มิตรภาพระหว่างจีนไทยสองประเทศ ได้สืบเนื่องมาเป็นนับพันปี ความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาไปในเชิงลึกและกว้างขึ้นทุกที ประชาชนของเราทั้งสองประเทศร่วมทุกข์ร่วมสุขและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มาโดยตลอด และร่วมกันรับมือกับความท้าทายทุกประการ ซึ่งรวมถึงโควิด-19 กองทัพจีนและกองทัพไทยก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันทีทันใดโดยไม่เกรงกลัวความยากลำบากใดๆ ซึ่งได้แสดงบทบาทสำคัญ ในการ ต่อต้านการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดขึ้น กองทัพทั้งสองประเทศยังได้จัดการประชุมผ่านระบบทางไกลหลายครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการต่อต้านโรคระบาดและการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วย เพื่อที่จะได้พยายามร่วมกันอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศชาติ และสร้างความสุขให้ประชาชน ปัจจุบันนี้ สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังคงแพร่ระบาดอย่างร้ายแรง สันติภาพและเสถียรภาพในโลกและภูมิภาคยังคงเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ หลายรูปแบบ กองทัพจีนพร้อมที่จะร่วมมือร่วมใจกับกองทัพไทยตลอดไป โดยสนับสนุนซึ่งกันและกัน ฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกัน และเพิ่มพูนความเข้าใจทวิภาคีรวมทั้งความไว้เนื้อเชื่อใจกันทางยุทธศาสตร์ลงลึกต่อเนื่อง ค้นหาวิถีใหม่ของการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ ร่วมกันเพิ่มขีดความสามารถในการพิทักษ์ความมั่นคงและรับใช้ประชาชน เพื่อแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันลึกซึ้ง ดังวลีอมตะ “จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน”
บทสรุป ท้ายที่สุดนี้ พลตรี อู๋ เสี่ยวอี้ เน้นว่า ประสบการณ์ทั้งอดีตและปัจจุบัน ได้ชี้ให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า โอบกอดโลกจึงจะโอบกอดวันพรุ่งนี้ได้ ก้าวหน้าร่วมกัน จึงจะเดินทางไกลอย่างราบรื่น และมั่นคงได้ รัฐบาลจีน ประชาชนจีนและกองทัพจีน ยินดีที่จะร่วมกับประชาคมโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ต่อไป ซึ่งส่งเสริมค่านิยม ร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ที่มุ่งสันติภาพ การพัฒนา ความยุติธรรม ความเป็นธรรม ประชาธิปไตยและเสรี ยืนหยัดในความร่วมมือ ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ยืนหยัดในการเปิดประเทศ ไม่ทำการปิดล้อม ยืนหยัดในการอำนวยประโยชน์แก่กัน ไม่เล่นเกมที่ รวมผลเป็นศูนย์ คัดค้านการครองความเป็นเจ้าและการเมืองที่ถืออำนาจบาตรใหญ่ เพื่อสร้างประชาคมแห่งมวลมนุษยชาติที่มีชะตาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.chinaembassy.or.th/th/sgxw/t1896407.htm )
นำเสนอ/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาเซี่ยนและโครงการคลองกระ
14/8/2021