วันที่ 13 สิงหาคม 2564 เวลา 10.30 น.ณ ลานแถลงข่าวชั้น 1 อาคาร บช.น. : พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมคดี 191 รวบวัยรุ่นอาศัยช่วงโควิด-19 ระบาด หวังรวยทางลัดค้ายาเสพติดกลางกรุง ยึดของกลางกว่าสองล้านเม็ด
ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.,พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.และ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ
กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
โดย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์,พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา,พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.,พ.ต.ท.อัครพล โทยะ,พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร,พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 รายคือ นายอัมรินทร์ เรืองศิริ อายุ 21 ปี และ น.ส.ปาริฉัตร สุนา อายุ 20 ปี พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,220,250 เม็ด,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 7.580 กก. และ รถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นเซียส ทะเบียน 4กท-9603 กทม. โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 182 ซอยลาดปลาเค้า 48 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่บริเวณย่านคลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางยาบ้ากว่าสองล้านเม็ด จากการจับกุมคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ได้สืบสวนขยายผลต่อเนื่อง ถึงกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดย่านคลองห้า จนกระทั่งสืบทราบว่ามีวัยรุ่นชาย-หญิง ทราบชื่อต่อมาคือนายอัมรินทร์ เรืองศิริ และน.ส.ปาริฉัตร สุนา มีพฤติกรรมในการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด และเป็นเครือข่ายขบวนการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
นายอัมรินทร์ฯ และน.ส.ปาริฉัตรฯ ได้ย้ายสถานที่ซุกซ่อนยาเสพติดมาไว้ภายในพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านลาดปลาเค้า เพื่อสะดวกต่อการเดินทางลักลอบขนส่งจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้า จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้ทำการลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะใช้รถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นเซียส ทะเบียน 4กท-9603 กทม. ขนส่งจำหน่ายยาเสพติดให้ลูกค้าบริเวณซอยลาดปลาเค้าอยู่เป็นประจำ และจะส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อในช่วงเวลา 18.30 – 20.30 น. และ 04.00 – 06.00 น. เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนการสัญจรไปมาของประชาชนในการเข้าและออกจากที่พักอาศัยเพื่อหลบเลี่ยงช่วงเวลาเคอร์ฟิว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งด่านตรวจค้นยานพาหนะตามนโยบายของรัฐบาล อันเป็นการการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และเข้มงวดในข้อกำหนดห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.
ต่อมาวันที่ 11 ส.ค.64 เวลาประมาณ 18.20 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์กลุ่มผู้ต้องหาบริเวณใกล้เคียงบ้านเลขที่ 182 ซอยลาดปลาเค้า 48 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จนกระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสองขับรถยนต์ซูซูกิ เซียสฯ ออกจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ จำนวน 2,000 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลไปตรวจค้นบ้านพัก พบยาบ้าอีกจำนวน 2,218,250 เม็ด และ ไอซ์จำนวน 7.5 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จากการสอบถาม นายอัมรินทร์ เรืองศิริ รับว่า ก่อนหน้านี้ทำงานโรงงานที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องออกจากงานขาดรายได้ จึงผันตัวมาค้ายาเสพติด เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวช่วงโควิดระบาด โดยจะเก็บซุกซ่อนยาเสพติดไว้ที่บ้านพัก แล้วนำมาจำหน่ายย่านลาดปลาเค้า ในแต่ละครั้งจะได้ค่าจ้างประมาณ 50,000 -100,000 บาท ซึ่งทำมาแล้วประมาณ 1 ปี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีกต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย โซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สายด่วน 191 และ เพจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
Cr กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน