ปู ส่งทนาย ร้อง บิ๊กตู่ ค้าน ใช้ ม.44 ยึดทรัพย์จำนำข้าว บอก อย่าชี้นำก่อนกระบวนการ ชี้ เลือกปฏิบัติ ก้าวล่วงอำนาจศาล
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อคัดค้านการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ ออกคำสั่งของหัวหน้าคสช. ที่ 56/2559 ให้กรมบังคับคดีเข้ายึดทรัพย์ในโครงการรับจำนำข้าว โดยกล่าวว่า ได้รับมอบหมาย จาก น.ส. ยิ่งลักษณ์ ให้มายื่นหนังสือเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้อำนาจพิเศษของหัวหน้าคสช.คือ 1. การออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจพิเศษก่อนการตรวจสอบแล้วเสร็จ ย่อมเป็นการชี้นำให้ผลตรวจสอบออกมาได้ในทางเดียวคือต้องรับผิดเป็นการไม่ชอบ แต่ควรให้กระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จก่อน ค่อยออกคำสั่ง
นายนพดล กล่าวว่า 2. ออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ไม่เป็นไปตามหลักการและเงื่อนไขของมาตรา 44 เนื่องจากคดีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งในการโอนหน้าที่จากหน่วยงานปกครองไปยังเจ้าหน้าที่บังคับคดี เพราะมีกฎหมายปกติใช้อยู่ รวมทั้งการออกคำสั่งเลือกปฏิบัติเฉพาะกรณีเป็นการไม่ชอบ ซึ่งที่ผ่านมาการใช้คำสั่งทางละเมิดมีหลายคดีแต่ไม่ได้ออกคำสั่งเป็นกรณีพิเศษเช่นนี้ 3. การออกคำสั่งใช้บังคับเฉพาะคดีข้าวเป็นการขัดต่อกฎบัตรของสหประชาชาติ และ 4. การออกคำสั่งให้กรมบังคับคดีทำหน้าที่แทนหน่วยงานเป็นการก้าวล่วงอำนาจของศาล ซึ่งปกติการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่บังคับคดีจะต้องเป็นอำนาจของศาล การออกคำสั่งเช่นนี้ทางผู้เกี่ยวข้องไม่มีอำนาจจะโต้แย้งคำสั่งไปยังหน่วยงานใดได้
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฝากขอความเป็นธรรมเพราะกรณีของท่านเป็นเรื่องของนโยบายไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการการค้าหรือหากำไรแต่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ยืนยันท่านไม่มีส่วนในการทุจริตเพราะดำเนินตามนโยบายที่คล้ายคลึงกับรัฐบาลในอดีตและปัจจุบันที่กำลังดำเนินการอยู่ หากการดำเนินการตามนโยบายสาธารณะของรัฐ ไม่ถูกต้องอย่างไร ควรให้ศาลหรือกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ชี้ขาด ไม่ใช่ให้หน่วยงานทางปกครองมาชี้ขาด ทำไมต้องออกคำสั่งพิเศษ มาทำให้กระบวนการถูกลัดขั้นตอน เกิดความบิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น และหากยื่นหนังสือแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ผมก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆที่กฎหมายให้ไว้ เว้นแต่จะมีการออกกฎหมายพิเศษมาลดสิทธิให้น้อยลง อย่างไรก็ตามหากให้ศาลยุติธรรมชี้ขาดคดีก็ไม่เลยอายุความเพราะหลังศาลยุติธรรมวินิจฉัยชี้ขาดแล้วมีเวลาในการบังคับคดีถึง 10 ปี ซึ่งเป็นกลไกปกติ แต่ที่รัฐบาลทำอยู่เป็นการกระทำแบบกลไกพิเศษ ซึ่งไม่เป็นธรรม ยืนยันควรให้ศาลยุติธรรมดำเนินเรียกค่าเสียหายมากกว่าใช้กลไกทางปกครอง” ทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว