วันที่ 10 ส.ค.64 เวลา 10.30 น.ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม. ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ,พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ,พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.,พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จ.ระนอง,พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จ.ชุมพร,พ.ต.ท.เอกลักษณ์ นุ่นปาน สว.ตม.จ.ระนอง และ พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จ.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้
1.ตม.จ.ชุมพร สนธิกำลังหน่วยงานความมั่นคง จับกุมเครือข่ายลักลอบขนชาวเมียนมาเข้าไทย โดย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ตม.จ.ชุมพร สนธิกำลังฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันจับกุม นายมงคลฯ อายุ 30 ปี สัญชาติไทย และนายสุขสันต์ฯ อายุ 25 ปี สัญชาติไทย ทำหน้าที่ขับรถนำ คอยดูต้นทาง เพื่อนำพาชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ที่ จุดตรวจ จุดสกัด ป้องกันคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บริเวณหน้าที่พักสายตรวจบางมาศ ม.12 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ความผิดฐาน “ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และต่อมาได้จับกุมชาวเมียนมา ทั้งหมด 22 คน ที่ถูกนำไปทิ้งไว้อยู่ภายในบริเวณสวนยาง ม.17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ
จ.ชุมพร ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จากการสอบถามชาวเมียนมาทั้ง 22 คน ทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากภูมิลำเนาต่างๆ ของประเทศเมียนมา มาพักรออยู่ที่บ้านใน จ.เกาะสอง เป็นเวลา 15 วัน และมาพักหมู่บ้านหมาราง (ตรงข้าม อ.กระบุรี) อีกเวลา 2 วัน จึงได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยโดยเรือหางยาวมาตามแม่น้ำกระบุรี ขึ้นฝั่งบริเวณ ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จากนั้นได้มีรถยนต์มารับ กระทั่งเมื่อพบจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ คนขับได้กลับรถและนำพวกตนมาทิ้งไว้ภายในสวนยางที่เกิดเหตุ ซึ่งทั้งหมดต้องการไปทำงานที่จังหวัดตรัง และจังหวัดปัตตานี โดยเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางคนละประมาณ 18,000 บาท
จากการสอบปากคำ นายมงคลฯ และนายสุขสันต์ฯ ยอมรับว่า ทำหน้าที่ขับรถยนต์เพื่อคอยดูต้นทาง อำนวยความสะดวกให้กับรถยนต์อีกคันที่ใช้ขนชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้าเมืองมา โดยได้รับการว่าจ้างจากนายกุ้งฯ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เป็นเงิน 15,000 บาท โดยรถอีกคันจะมีนายแบงค์ฯ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ทำหน้าที่ขับรถ ขนชาวเมียนมาหลบหนีมาจากพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง ใช้เส้นทางบ้านรังแตน ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง มาทาง ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยนายมงคล ทำหน้าที่ขับรถนำ ส่วนนายสุขสันต์ เป็นคนนั่งข้าง หากเจอจุดตรวจจะใช้โทรศัพท์ติดต่อกัน
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม 2 คน คือ นายเสรี (กุ้ง) อายุ 39 ปี สัญชาติไทย ผู้ว่าจ้าง และนายทวิช (แบงค์) อายุ 26 ปี สัญชาติไทย คนขับรถขนชาวเมียนมา จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำให้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีนี้ได้ครบทั้ง 4 คน แล้ว
2.ตม.จ.ระนอง สนธิกำลังจับกุมเครือข่ายขบวนการลักลอบนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จ.ระนอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2521,ฉก.ร.25,ฝ่ายปกครองและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามทราบว่านายสุทัศน์ฯ ที่อยู่ 15 ม.2 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย จึงได้เฝ้าสังเกตพฤติการณ์จนทราบว่า นายสุทัศน์ฯ
จะทำการลักลอบขนส่งแรงงานต่างด้าวจาก อ.กระบุรี จ.ระนอง ไปยัง จ.ชุมพร ต่อมา เจ้าหน้าที่พบเห็นรถยนต์กระบะ สีดำ ทะเบียนระนอง (รถเป้าหมาย) ขับขี่มาจาก อ.กระบุรี-มุ่งหน้ามาทาง อ.ละอุ่น เลียวซ้ายแยกพรุตาโรย ถนนสายบ้านบางแก้ว – เข้าบ้านในโหน ม.1 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงติดตามสกัดจับจากบริเวณถนนบ้านในโหน-มุ่งหน้าบ้านในหุบ จ.ชุมพร ถึงบริเวณถนนลูกรังในสวนยางพาราก่อนถึงโรงเรียนบ้านในหุบ ม.4 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้และผู้ขับขี่ได้หลบหนีไป ตรวจสอบในรถยนต์คันดังกล่าวพบ นายจอนาย อายุ 25 ปี แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา และพวกรวม 33 คน จากการสอบถามทราบว่าชาวเมียนมาส่วนใหญ่เดินทางมาจาก จ.ย่างกุ้ง,จ.มอละแมง และ จ.ทวาย จุดหมายปลายทางต้องการไปหาทำงานในพื้นที่ อ.หาดใหญ่
จ.สงขลา,จ.สุราษฎร์ธานี,จ.ปัตตานี และ จ.นครศรีธรรมราช
โดยคนต่างด้าวได้ติดต่อกับญาติ และเพื่อนที่ทำงานอยู่ในเมืองไทย และนายหน้าขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทย โดยเสียค่านายหน้าเป็นเงิน 15,000–17,000 บาท/คนจากนั้นนายหน้าได้นำพาเดินทางมาพักรออยู่ที่บ้านพักใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่บ้านเพาสุข อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง และได้ลักลอบนำพาเข้ามาในพื้นที่ จ.ระนอง
จากการสืบสวนขยายผลการจับกุม มีพยานหลักฐานยืนยันชี้ชัดว่านายสุทัศน์ฯ เป็นผู้ขับขี่ รถยนต์กระบะสีดำ ทะเบียนระนอง จึงติดตามจับกุมตัวนายสุทัศน์ฯ ได้ที่บ้าน ม.2 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด โดยสืบสวนข้อมูลการใช้โทรศัพท์ พบว่านายเสรีฯ หรือกุ้ง ได้รับการติดต่อว่าจ้างจาก นายบ่าวเกียจ/โกโซ่ นายหน้าชาวเมียนมา ให้นำพาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองจาก จ.ระนอง ไปส่งปลายทาง นายเสรีฯ หรือกุ้ง จึงว่าจ้างให้ นายสุทัศน์ฯ จัดหารถยนต์มารับตัวแรงงานต่างด้าว จำนวน 33 คน ซึ่งลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ข้างปั้มน้ำมันร้าง บ้านปากสวะ ม.7 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง เพื่อไปส่งให้นายชัยญะ หรือม่อน รอรับช่วงต่ออยู่ที่ จ.ชุมพร และว่าจ้างให้นายวัฒชัยฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์ นำทางดูเส้นทางว่ามีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตามเส้นทางหรือไม่
จากนั้นนายเสรีฯ หรือกุ้ง ขับรถยนต์กระบะ ทะเบียนชุมพร นำทางนายสุทัศน์ฯ ที่บรรทุกแรงงานต่างด้าว มุ่งหน้าไปทาง อ.ละอุ่น จ.ระนอง ใช้เส้นทางหลักถนนเพชรเกษม และเลี้ยวซ้ายแยกพรุตาโรย ใช้เส้นทางรองถนนสายบ้านบางแก้ว–บ้านในโหน ผ่านโรงเรียนบ้านปากแพรก มุ่งหน้าบ้านในหุบ จ.ชุมพร เมื่อถึงถนนลูกรังก่อนถึงโรงเรียนบ้านในหุบ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ไล่สกัดจับได้พร้อมแรงงาน ต่างด้าว จำนวน 33 คน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว จ.ระนอง ขออนุมัติ ศาลจังหวัดระนองเพื่อออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1.นายเสรีฯ หรือกุ้ง ตามหมายจับศาลจังหวัดระนองที่ 72/2564 ลง 8 ก.ค.64,2.นายวัฒชัย ตามหมายจับศาลจังหวัดระนองที่ 73/2564 ลง 8 ก.ค.64 และ 3.นายชัยญะฯ หรือม่อน ตามหมายจับศาลจังหวัดระนองที่ 74/2564 ลง 8 ก.ค.64 โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในข้อหา “ร่วมช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการจับกุม,ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ” นำส่ง พงส.สภ.บางแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ต.สุเมธฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน