“การพัฒนาบูรณาการทางการทหารและพลเรือนเป็นยุทธศาสตร์ชาติ” (“军民融合发展作为一项国家战略”) ของผู้นำจีน
(ตอนที่ 1/2)
ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. หลักการของแนวคิด
๑.๑ การพัฒนาบูรณาการทางการทหารและพลเรือนเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติสัมพันธ์กับสถานการณ์โดยรวมของความมั่นคงและการพัฒนาของชาติ ซึ่งเป็นทั้งการฟื้นฟูประเทศและยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทัพ ทั้งนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรมการรวมกลุ่มระหว่างทหารกับพลเรือนจะเป็นรากฐานและเป็นวิธีที่สำคัญในการบรรลุการพัฒนาการรวมกลุ่มระหว่างทหารกับพลเรือน อันเอื้อต่อการจัดหาวัสดุและการสนับสนุนทางเทคนิคที่แข็งแกร่งสำหรับการป้องกันประเทศและความทันสมัยทางการทหาร รวมทั้งเป็นการเอื้อต่อการบูรณาการการป้องกันประเทศในวงกว้าง ในระดับสูง และลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยการผสมผสานความทันสมัยทางการทหารเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เกิดทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และพลังที่ยั่งยืนสำหรับการทำให้เกิดการป้องกันประเทศและความทันสมัยทางการทหาร
๑.๒ อุตสาหกรรมการรวมกลุ่มระหว่างทหารกับพลเรือนเป็นอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการทหาร เช่น การป้องกันประเทศและการทหารเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในตลาดของพลเรือนด้วย จากมุมมองของความหมายแฝงที่สำคัญของการบูรณาการทางทหารกับพลเรือน อุตสาหกรรมการรวมกลุ่มระหว่างทหารกับพลเรือนไม่ใช่อุตสาหกรรมที่เป็นอิสระจาก “ทหาร” (“军”) และ “พลเรือน” (“民”) แต่เป็นอุตสาหกรรมที่มีการกระจายอย่างกว้างขวางในระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งให้บริการความต้องการของตลาดทั้งทางการทหารและพลเรือน
๒. การเปลี่ยนแปลงของแนวคิดจาก “การรวมกัน” เป็น “การรวมกลุ่ม” และสุดท้ายเป็น “บูรณาการ”
๒.๑ ในตอนต้นของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน (๑ ต.ค.๑๙๔๙ หรือ พ.ศ.๒๔๙๒) กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติอย่างมาก ดังนั้น ประธานเหมา เจ๋อตง มุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศจากการรวมตัวของทหารและพลเรือน โดยเน้นอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ต่อมา นายเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำรุ่นที่ ๒ ได้ปรับแต่งแนวคิดดังกล่าวโดยเน้นการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ และเมื่อยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศเปลี่ยนจากสองขั้วอำนาจเป็นหลายขั้วอำนาจและกระบวนการของโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจได้เร่งขึ้น ทำให้นายเจียง เจ๋อหมิน ผู้นำจีนรุ่นที่ ๓ เสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับ “การรวมกำลังทหารและพลเรือน การรวมกองทัพกับพลเรือนหรือพลเรือนในกองทัพ” (“军民结合、寓军于民”) โดยการจัดตั้งเทคโนโลยีการป้องกันประเทศรูปแบบใหม่ และระบบอุตสาหกรรมที่ตรงตามข้อกำหนดของการสร้างการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจตลาด ซึ่งเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ผู้นำจีนรุ่นที่ ๔ นายหู จิ่นเทา ได้บูรณาการสาระสำคัญของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์เข้าเป็นการรวมกลุ่มของทหารและพลเรือน และเสนอแนวคิดที่สำคัญของการพัฒนาบูรณาการทางการทหารและพลเรือนในปี พ.ศ.๒๕๔๘
๒.๒ เมื่อวันที่ ๑๒ มี.ค.๕๘ ผู้นำจีนรุ่นที่ ๕ นายสี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีแห่งรัฐ และประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลาง ได้เสนอในการประชุมเต็มคณะผู้แทนกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน สมัยที่ ๓ ของสภาประชาชนแห่งชาติครั้งที่ ๑๒ ว่า ควรยกระดับการพัฒนาบูรณาการทหารและพลเรือนให้เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ และต่อมาสำนักงานการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดประชุม เมื่อวันที่ ๒๒ ม.ค.๖๐ โดยจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาบูรณาการทางการทหารและพลเรือนกลาง โดยนายสี จิ้นผิง เป็นประธานฯ มีหน้าที่รับผิดชอบในการตัดสินใจ อภิปราย และประสานงานในประเด็นสำคัญๆ ของการพัฒนาบูรณาการทางการทหารกับพลเรือน
บทสรุป ในปัจจุบัน คณะกรรมการพัฒนาบูรณาการทางการทหารและพลเรือนกลางได้สร้างระบบการจัดการยุทธศาสตร์บูรณาการทางการทหารกับพลเรือนของจีนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ กล่าวคือ คณะกรรมาธิการกลางและกระทรวงจะออกแผนการออกแบบระดับบนสุดสำหรับการพัฒนาการรวมตัวของทหารและพลเรือนระดับชาติ โดยมีแผนกบูรณาการทหารและพลเรือนในท้องถิ่นที่ได้จัดตั้งขึ้นโดยแต่ละเมืองเพื่อวางแผนทิศทางการพัฒนาของการบูรณาการทางทหารกับพลเรือนในท้องถิ่นตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ มีหน่วยอุตสาหกรรมการทหาร สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ วิสาหกิจและสถาบันที่เป็นแกนหลักมีส่วนร่วมในการพัฒนาบูรณาการทางการทหารและพลเรือน
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://zhuanlan.zhihu.com/p/383315935 )
นำเสนอข่าว/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาเซียนและโครงการคลองกระ
10/8/2021