สำนักข่าวนิวส์เซเว่น สำนักข่าวข่าวสืบสวน ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ และชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค นำโดย นายนันท์นภัส วงศ์ใหญ่ ผอ.ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ ในฐานะประธานชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค ประธานชมรมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมส่วนภูมิภาค
เปิดเผยว่า ได้ส่งสารถึงพี่น้องประชาชนชาวลพบุรี
เชื่อมั่นว่าพวกเราชาวลพบุรี จะผ่านวิกฤติโรคร้ายนี้ไปได้ด้วยความสามัคคี การร่วมแรงร่วมใจ ร่วมกันป้องกันตัวเองจากโรคภัย ในวิกฤติร้าย ภาพแห่งความรัก และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะยิ่งเด่นชัดขึ้น
ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ สำนักข่าวข่าวสืบสวน สำนักข่าวนิวส์7 ชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค ชมรมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมส่วนภูมิภาค ขอส่งความห่วงใยไปยังพ่อ แม่ พี่น้อง ชาวจังหวัดลพบุรี ให้ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ปลอดโรคปลอดภัย ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ ยังคงทำงานเพื่อสังคมเมืองลพบุรี ต่อไปขอเป็นสื่อมวลชนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาจะไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ของเราอย่างเต็มกำลัง ทุกสิ่งที่ทุกท่าน ต้องการ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด ขอพระคุณและบารมีหลวงพ่อพระงาม สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระปิยมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ ศาลเจ้าพ่อปากจั่น เจ้าพ่อหลักเมืองลพบุรีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ปกปักษ์ ให้ชาวจังหวัดลพบุรี มีกำลังใจ และผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างปลอดภัย
กันและกัน
เราจะมีกันในทุกสถานการณ์
ลพบุรีร่วมใจเป็นหนึ่ง
ลพบุรีต้องชนะ
ด้าน นายนันท์นภัส วงศ์ใหญ่ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ความปลอดภัยของประชาชนลพบุรี สำคัญที่สุด “ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด
อัตราคนติดเชื้อไวรัสโควิด 19 รายใหม่ตกวันละกว่า 10,000 คน และจำนวนผู้เสียชีวิตประมาณ ร้อยกว่า คนต่อวัน รวมไปถึงจำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในระบบการรักษามากกว่า 120,000 คน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นสถานการณ์อัน “วิกฤต” สำหรับประเทศไทย จึงเป็นหน้าที่สำคัญของพลเมืองไทยต้องช่วยกันคลี่คลายวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด ให้ความเอื้อเฟื้อต่อประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ หรืออย่างน้อยที่สุด คือ การเสนอความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เช่น
เราจะแก้ไขอัตราการติดเชื้อใหม่รายวันที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างไร เราจะช่วยส่งคนป่วยให้กลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดบ้านเกิด แทนการนอนรอเตียงในห้องเช่าที่กรุงเทพและปริมณฑลในรูปแบบไหน หรือเราจะสื่อสารถึงรัฐบาล และต่อประชาชนด้วยกัน เพื่อหาแนวทางร่วมกันบรรเทาทุกข์ที่เกิดขึ้นด้วยกระบวนการใด เป็นต้น
สำหรับสำนึกในความเป็นพลเมืองของผม คือ ข้อคิดเห็นต่อการบริหารจัดการแก้ไขวิกฤตโควิด 19 อย่างสร้างสรรค์ใน 5 ประเด็น ดังนี้
- การแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด 19 ต้องยึดเจตนารมณ์ร่วมกัน คือ “ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด” ทุกวันนี้ตามรายงานข่าวปรากฎทั้งคนรวยและคนจนล้วนต้องเสียชีวิตด้วยไวรัสโควิด 19 ไม่ต่างกัน นั่นแสดงว่าฐานะทางการเงินไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของเราได้ ภาพของพ่อ แม่ สามี ภรรยา พี่ น้อง ลูก หลาน ที่ต้องเจ็บป่วยนอนรอเตียงอยู่บ้านอย่างทุกข์ทรมาน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา บอกกับเราว่า ความเป็นครอบครัว ญาติ หรือวงศ์วานว่านเครือใดๆ ก็ไม่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ การช่วยยื้อชีวิตคนป่วยก็เช่นกัน
ทั้งหมดนี้ จึงกลับมาที่กระบวนการสร้าง “ความปลอดภัยของประชาชนทุกคน” ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ดังนั้น การดูแลตัวเองไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และสร้างการแพร่ระบาดไวรัส คือการให้ความร่วมมือเพื่อรักษาความปลอดภัยทางสุขภาพของท - สำหรับนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ทั้งในระดับชาติ และท้องถิ่น ถ้าทุกคนยึดเจตนารมณ์ร่วมกัน คือ “รักษาความปลอดภัยทางสุขภาพของทุกคน
สำคัญที่สุด” การปฏิบัติหน้าที่ของท่านต้อง “ลดการชิงไหวชิงพริบ” เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง ในอีกด้านหนึ่ง ต้องไม่นิ่งเฉย เพื่อรอให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ โดยไม่ห้ามปราม ตรวจสอบ หรือนำเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ตามข้อมูล และข้อเท็จจริงที่ได้รับมา ถ้าสื่อสารให้ชัดเจนก็คือ ต้องไม่ใช้วิกฤตโควิด 19 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะความทุกข์ร้อนของประชาชนไม่ควรต้องเป็นกลเกมทางการเมืองของใคร - ข้าราชการประจำที่มีหน้าที่ทางวิชาชีพในการแก้ไขวิกฤตโควิด 19 และช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ก็ขอให้ท่านได้ก้าวข้ามกฎระเบียบอันทำให้การช่วยเหลือประชาชนล่าช้าเสียที เช่น การตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งงบประมาณก็อนุมัติแล้ว แต่การจัดซื้อจัดจ้างต้องล่าช้า เพราะกระบวนการจัดซื้อตามระเบียบที่ราชการกำหนด
รวมไปถึงการไม่ให้ความร่วมมือกันระหว่างข้าราชการส่วนภูมิภาคกับข้าราชการส่วนท้องถิ่น เช่น สถานที่ตั้งโรงพยาบาลสนามที่ตกลงกันไม่ได้ ระหว่างนายอำเภอ กับนายก อบจ. เป็นต้น ดังนั้น ข้าราชการประจำต้องอำนวยให้ “ความปลอดภัยของประชาชน” มาก่อนกฎระเบียบของทางราชการ - การแก้ปัญหาวิกฤตนี้ ตั้งแต่ระดับรัฐบาล จังหวัด ไปจนถึงท้องถิ่น ต้องไม่วิ่งแก้ปัญหาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลสนามแล้ว จึงมารีบจัดระบบการรักษาตัวที่บ้าน เป็นต้น เพราะหัวใจของ “การบริหารจัดการวิกฤต” คือ การคาดการณ์ล่วงหน้า ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร เพื่อเตรียมพร้อมระบบและกลไกในการแก้ไขปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นมาในอนาคต เช่น เรามองเห็นการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสแล้ว การเตรียมจัดหาวัคซีนใหม่
ที่จะรับกับไวรัสกลายพันธุ์ต้องเกิดขึ้นทันที เป็นต้น - การบริหารจัดการกับวิกฤตการณ์ ไม่มีประเทศใด หรือผู้บริหารคนไหนที่ไม่ผิดพลาด เพราะไม่มีใครล่วงรู้สถานการณ์ล่วงหน้าได้ทั้งหมด แต่ที่สำคัญ คือ การยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และรีบวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนั้น จากนั้นรีบแก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อลดทอนหรือหยุดยั้งความเสียหายอันเกิดขึ้นไปแล้ว เช่น กรณีผู้นำเยอรมันยอมรับข้อผิดพลาดเรื่องการเลือกวัคซีน และแก้ไขด้วยการเร่งจัดซื้อวัคซีนใหม่ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน และมีผลข้างเคียงต่ำ เป็นต้น
การจัดสรรวัคซีนในจังหวัดลพบุรีล้มไม่เป็นท่าเพราะล่มทั้งระบบ ได้โควต้ามาก็ไม่ถึงแสนโดส จะเพียงพอฉี่ประชาชนชาวลพบุรีไม่ต้องจับตามองการประสานงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีกับทางจังหวัดลพบุรีจะประสานมือกันดึงวัคซีนจะมาฉีดให้ประชาชนชาวลพบุรีได้หรือไม่เราต้องจับตามองอย่างกะพริบตา
เพราะประชาชนชาวลพบุรีตั้งแต่ 18 18 ปีจนถึง 59 ปีหมดหวังการฉีดวัคซีนฝันลมลมแล้ง แต่จำใจไม่มาจริงที่ตามตั้งใจเอาไว้
สัญญาจะติดตามเรื่องวัคซีนนี้จนได้วัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนชาวลพบุรี เราเป็นสื่อมวลชนที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด
ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบภายหลัง
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์5 เหล่าทัพ