กลาโหม จัดทำ “แผนแม่บทการปฏิรูป-ปรับปรุงโครงสร้างกลาโหม 10 ปี 2558-2567 โดย5 ปีแรกจะปฏิรูประบบบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ อีก5 ปีจะปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกัน เพื่อให้กองทัพมีขนาดที่เหมาะสม ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ/ย้ำกองทัพหนุน’รัฐบาล-คสช.’ ชี้ช่วงปฏิรูปสถานการณ์เปราะบาง ขอเชื่อมั่น ในทหาร
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมว่า ในโอกาสครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล หลังการเข้ามาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กระทรวงกลาโหมได้ทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่ทำหน้าที่เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลและ คสช.
โดยใช้ศักยภาพกองทัพที่มีอยู่เข้าคลี่คลายแก้ปัญหาของชาติที่เป็นวาระเร่งด่วน เช่น การค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือน แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชาติ ตลอดจนการสนับสนุนการปฏิรูปประเทศด้วยการเป็นการแกนหลักขับเคลื่อนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดบางประการ ที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือบ่อนลายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า จากผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในงานความมั่นคงในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาแสดงถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงในการทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมาโดยตลอด
ขณะที่ประเทศชาติกำลังเข้าสู่โหมดการปฏิรูปนั้น กระทรวงกลาโหมก็ไม่ได้ละเลยการปฏิรูปกองทัพเพื่อรองรับสภาพแวดล้อมและภัยคุกคามของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกระทรวงกลาโหมได้ทบทวนและจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระทรวงกลาโหม 20 ปี รองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยจัดทำเป็นแผนควบคู่กับการปฏิรูปโครงสร้างและระบบบริหารจัดการกระทรวงกลาโหม โดยจัดทำเป็นแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง 10 ปี (พ.ศ.2558-2567) 5 ปีแรกจะปฏิรูประบบบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ จากนั้นจะปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกันใน 5 ปีต่อไป เพื่อให้กองทัพมีขนาดที่เหมาะสม ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ สามารถเผชิญกับความท้าทายระดับภูมิภาค
“การวางรากฐานปฏิรูปประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน มีความเปราะบางยิ่งต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ หากขาดความเข้าใจร่วมกันก็จะมีปัญหา ดังเช่นตัวอย่างจากหลายประเทศที่ขยายตัวจากความขัดแย้งภายในและถูกแทรกแซงจากนอกประเทศ จนถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาดและล่มสลาย”
ทั้งนี้งานความมั่นคงในปัจจุบัน มีความซับซ้อนเชื่อมโยงทุกมิติของสังคม ทั้งในและต่างประเทศ ความเข้าใจและตระหนักรู้เท่าทันร่วมกัน ต่อผลกระทบส่วนรวมและผลประโยชน์ชาติที่จะเกิดขึ้น เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนทุกภาคส่วนมิอาจเพิกเฉย โดยจำเป็นต้องเรียนรู้ร่วมกันและต้องการ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในทุกมิติงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นพลังที่สำคัญยิ่งของการนำมาซึ่งความมั่นคงของประเทศที่ยั่งยืน”
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ขอความเข้าใจ ไว้ใจและเชื่อมั่น ในการทำหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นสถาบันหลักเคียงข้างประชาชนและผลประโยชน์ของชาติแห่งนี้ ทหารทุกคน จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด