ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ขาวนวล ร้อยเวร สอบสวน สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุด่วนเมื่อวันที่ 23 กันยายน เวลา 10.30 น.ว่า มีการระเบิดรถตำรวจบนถนนพื้นที่ ม.1 บ้านเบญญา รอยต่อพื้นที่ ม.4 บ้านลูโบ๊ะกาโล ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา แรงระเบิดส่งผลให้ตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายนาย จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.กรงปินัง และ ร.ต.อุดม ดำรงวิทย์ ผบ.ร้อย ทพ.3305 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพราน 33 พร้อมประสาน พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 เข้าตรวจสอบ
สลด!ตร.กรงปินังพลีชีพ3นาย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลยะลาไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ ส.ต.ท.ณัฐพงศ์ ชาติดำ อายุ 28 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.กรงปินัง ส.ต.ต.สุริยา หนูนิ่ม อายุ 32 ปี และ ส.ต.ต.อรรถพล เหลือเทพ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ ส.ต.ท.ศิริวัฒน์ โยธา อายุ 30 ปี และ ส.ต.ต.นฤเบศ เหมือนน้อย อายุ 25 ปี
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว ของ สภ.กรงปินัง อยู่ในสภาพถูกแรงระเบิดพังเสียหายอย่างหนัก ตัวรถขาดสองท่อน ห่างจากซากรถประมาณ 5 เมตร พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 4 เมตร ลึก 1 เมตร โดยเจ้าหน้าที่พบเศษถังแก๊ส ขนาด 15 กก. เศษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสายไฟสีเทา ยาวกว่า 100 เมตร จึงเก็บรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐาน ในเบื้องต้นเชื่อเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 80 กก. จุดชนวนด้วยระบบแบตเตอรี่ ที่คนร้ายนำมาซุกในท่อน้ำลอดใต้ถนนตรงจุดเกิดเหตุ
วางบึ้ม-ยิงถล่มซ้ำปะทะเดือด
จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ ร.ต.ท.ธีรวัตร เต็มราม หัวหน้าชุดสืบสวน นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กรงปินัง รวม 7 นาย โดยใช้รถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน คือ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ กับ อีซูซุ สีขาว เดินทางเข้าพื้นที่สืบสวนหาข่าวกลุ่มคนร้าย รวมทั้งเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ในขณะที่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งมี ร.ต.ท.ธีรวัตร เต็มราม หัวหน้าชุด ขับนำผ่านจุดเกิดเหตุ โดยมีอีซูซุ สีขาว ขับตามหลัง ห่างกันประมาณ 50 เมตร
กลุ่มคนร้ายซึ่งคาดว่าซุ่มอยู่ในสวนยางพาราข้างทาง ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้รถอีซูซุถูกแรงระเบิด ทำให้ตำรวจภายในรถคันดังกล่าวเสียชีวิตทันที 3 นายและบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ก่อนที่คนร้ายอีกกลุ่ม คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 7 คน ได้ใช้อาวุธปืนสงครามนานาชนิดระดมยิงอย่างหนัก
พร้อมกับยิงสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่มากับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน เข้าช่วยเหลือ จนเกิดการยิงปะทะกัน
ฉกอาวุธปืนหลายกระบอก
ขณะเดียวกัน คนร้ายอีกกลุ่ม ได้เข้ามาหยิบอาวุธปืนเอ็ม 4 (อาวุธปืนเล็กยาวอัตโนมัติที่พัฒนามาจากปืนเล็กยาวจู่โจมเอ็ม 16 ) จำนวน 3 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น 9 มม. จำนวน 3 กระบอก ของเจ้าหน้าที่ หลบหนีไป
คาดเป็นฝีมือกลุ่ม”ฮูไบดีละห์”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายกลุ่มของนายฮูไบดีละห์ รอมมือลี แกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ พร้อมพวก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตการปฏิบัติการของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้
โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย เพื่อไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุกลุ่มนี้แล้ว
ยิงชาวบ้านเสียชีวิต1ราย
ก่อนหน้านี้ เวลา09.00 น. ร.ต.อ.พิชิต หนูส่ง รอง สว.สอบสวน สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุ คนร้ายด ยิงราษฎรไทยพุทธ ทราบชื่อคือนายชโนทัย แสงจันทร์ อายุ44 ปี บ้านเลขที่51/2 ม.2 ต.ดอน อ.ปะนาเระเสียชีวิต 1ราย เหตุเกิดบ.ต้นมะขาม ม.4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จว.ปัตตานี
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายอาชีพเป็นคนขับรถแม็คโฮ โครงการแก้มลิง เกิดเหตุขณะที่ผู้ตายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โดยลำพังออกจากบ้านพักเพื่อมุ่งหน้าไปทำงาน ในระหว่างทางเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะไล่ตามประกบยิงจนเป็นเหตุให้ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
สทป. มอบ “ยูเอวี”เหล่าทัพ
วันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.สมพงศ์ มุกดาสกุล ผอ.สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือสทป. กระทรวงกลาโหม แถลงว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมเป็น ผู้แทนสทป.ส่งมอบต้นแบบระบบอากาศยานไร้คนขับขึ้น-ลงทางดิ่ง ขนาดเล็กแบบหลายใบพัด (ดีทีไอ สยาม ยูเอวี) ให้กับหน่วยงานที่เสนอความต้องการ อาทิ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค6 ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมราชทัณฑ์ไปใช้งานในภารกิจการรบและไม่ใช่การรบ
พล.อ.สมพงศ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะภารกิจทางทหาร เช่นด้านการข่าว ลาดตระเวน เฝ้าตรวจและติดตามสถานการณ์อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิตนักบิน จำนวน 10 ระบบ มูลค่าระบบละ 5 แสนบาท ทั้งนี้ดีทีไอ สยาม ยูเอวีสามารถบินได้นานมากกว่า 40 นาที ระยะปฏิบัติการกว่า 2 กิโลเมตร สามารถบรรทุกน้ำหนักได้กว่า 3 กิโลกรัม และเพดานบินกว่า 500 เมตร ระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ กล้องถ่ายภาพ กล้องตรวจจับความร้อน สามารถเก็บพกพาได้ ทำให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งานเหมาะกับภารกิจด้านความมั่นคงและเชิงพาณิชย์ สิ่งแวดล้อม
ลาดตระเวนเฝ้าทางรถไฟ
พล.อ.สมพงศ์ กล่าวว่า มอบให้กองทัพบกนำไปใช้ 3 ระบบ โดยนำทดลองใช้ดูเส้นทางคมนาคมทางรถไฟ ใน 3 จชต.รวมทั้งการทำหน้าที่ลาดตระเวณและเฝ้าตรวจ ในการออกไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อลดการสูญเสีย เนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติ คนควบคุมระบบอยู่ในฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ราคาถูกกว่านำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยซื้อของสหรัฐอเมริกาในราคา 9 แสนบาท แต่เครื่องนี้ราคา 5 แสนบาท และจะพัฒนาไปเรื่อยๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และจะทำให้ราคาถูกลง อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการสั่งซื้อจำนวนมาก จะจัดตั้งหน่วยบริการเพื่อดูแลหลังการขายในแต่ละกองทัพภาค
บิ๊กป้อมปัดตอบครม.ส่วนหน้า
วันเดียวกันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลที่เป็นทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนหน้าทำหน้าที่ประสานงานการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า กำลังดูอยู่และหัวหน้าทีมต้องเป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามย้ำว่าพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าทีมครม.ส่วนหน้าดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ เพราะเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ และจำไม่ได้ เพราะความจำตนไม่ค่อยดี