วันที่ 24 มิ.ย.64 : จากกรณีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อ ปากซอยลาดพร้าว 25 จากนั้นไปก่อเหตุยิงผู้ป่วยโควิด-19 ที่รพ.สนามปทุมธานี ก่อนขับรถปิคอัพอีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒข 6233 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าลงภาคใต้ไปที่ จ.ระนอง นั้น
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นเหตุอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญ สำหรับเหตุการณ์ล่าสุด ได้รับแจ้งจากตำรวจฝ่ายสืบสวน จ.ระนอง ว่า คนร้ายรายนี้ได้หลบเข้าไปอยู่ในบ้านญาติพื้นที่ จ.ระนอง เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างปิดล้อมพื้นที่และเจรจากับคนร้าย พร้อมกันนี้ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง ให้ระมัดระวังอันตราย และขอให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่าเข้ามาในพื้นที่ปฏิบัติการของตำรวจอย่างเด็ดขาด
ต่อมา พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ ประชาสัมพันธ์ถึงสื่อมวลชนที่กำลังเกาะติดรายงานข่าวเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อ ปากซอยลาดพร้าว 25 และยิงผู้ป่วยโควิดที่รพ.สนามปทุมธานี ว่า ขอความร่วมมือสื่อมวลชนอย่ากระทำการใดๆ ที่ผิดต่อหลักจรรยาบรรณ ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ การต่อสายสัมภาษณ์คนร้าย เพราะจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลกระทบในทางคดีภายหลังได้ รวมทั้งขอให้เหตุการณ์เทอร์มินอล 21 โคราช เป็นบทเรียนให้สื่อทุกสำนักปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย
พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ เปิดเผยว่าล่าสุดเมื่อเวลา 12.20 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายกวิล แสงนิลกุล อดีตทหารเกณฑ์ อายุ 23 ปี ไว้ได้โดยไม่มีบุคคลใดได้รับอันตรายเพิ่มเติม และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่ สภ.ปากน้ำระนอง โดยมีพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำการสอบปากคำด้วยตนเอง และเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวจะนำตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในท้องที่เกิดเหตุตามกระบวนการกฎหมาย
พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายมีเจตนายิงผู้เสียชีวิตทั้งสองรายอย่างอุกอาจ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายที่เป็นบุคคลอันตรายไปอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำอีก และประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าไปยังบริเวณพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานอย่างเด็ดขาด โดยระหว่างปิดล้อมจับกุมคนร้ายพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปควบคุมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ด้วยตนเอง
ทั้งนี้ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นอันตราย ยังมีบุคคลที่ทั้งเจตนาดีและไม่ดี จะเป็นตำรวจหรือไม่ใช่ตำรวจ ได้พยายามอธิบายวิธีการสืบสวนติดตามคนร้ายอย่างละเอียด เพียงคิดว่าได้กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดมากกว่าบุคคลอื่น โดยไม่ทราบว่าจะทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องมีความยากลำบากมากขึ้น และยังทำให้ผู้สนับสนุนข้อมูลในการสืบสวนติดตามก็จะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีความเป็นกังวลว่า การเปิดเผยข้อมูลการสืบสวนดังกล่าว อาจสร้างความเสียหาย และเป็นปัญหาอุปสรรคของผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้รับผิดชอบต่อไปในอนาคต
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนยังพบว่ามีบางส่วนที่ยังทำหน้าที่หมิ่นเหม่ และส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่บ้าง แต่ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักจรรยาบรรณ ให้ภารกิจครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน