วัชระค้านหัวชนฝา!ยื่นชวนครั้งที่ 2 ยับยั้งตั้งคนกันเองเป็นกก.สอบสรศักดิ์คุกคามทางเพศข้าราชการสาว
(9 มิ.ย.64) เมื่อเวลา 12.49 น.ที่อาคารรัฐสภานายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่งานสารบรรณคัดค้านองค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาฯกรณีคุกคามทางเพศผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นครั้งที่ 2 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนหน้านี้นายวัชระ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสว.
เคยร่วมกันยื่นหนังสือถึงนายชวนครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายวัชระ กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เห็นชอบร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ได้กำหนดแนวทางในกรณีที่ผู้กระทำเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน ให้มีผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้แทนหน่วยงานอื่นที่มีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย ความไว้วางใจของผู้เสียหายซึ่งมีสภาพร่างกายและจิตใจอับบอบช้ำอย่างร้ายแรงจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือคุกคามทางเพศในการทำงานจากผู้บังคับบัญชาของตน ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรี และมาตรการ แนวทางปฏิบัติดังกล่าวข้างต้นยังบังคับให้หน่วยงานต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้เสียหาย รวมถึงให้พิจารณาข้อร้องขอของผู้เสียหายอย่างเหมาะสม และต้องให้ความคุ้มครองไม่ให้ผู้เสียหายถูกกลั่นแกล้ง และให้มีบุคคลที่ผู้เสียหายไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังในการสอบข้อเท็จจริงหรือสอบถามได้ ในกรณีที่มีการสอบปากคำผู้เสียหาย เนื่องจากผู้เสียหายได้รับความกระทบกระเทือนทั้งร่างกายและจิตใจ ย่อมส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ความเครียด วิตกกังวลอยู่แล้ว จึงไม่มีสภาพหรือความพร้อมในการให้หรือถ้อยคำต่อคณะกรรมการในขั้นตอนต่างๆได้โดยลำพัง ดังนั้น การดำเนินการของคณะกรรมการในขั้นตอนต่างๆ จึงต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี มาตรการและแนวทางปฏิบัติดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด ต้องมีประเด็นคำถามที่ให้เกียรติแก่ผู้เสียหายหรือผู้ถูกกระทำ ไม่ให้ผู้เสียหายหรือผู้ถูกกระทำรู้สึกถึงการไม่เป็นมิตร ไม่ดูถูกเหยียดหยาม และต้องเคารพความเป็นมนุษย์ รวมถึงเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เสียหาย โดยการให้มีบุคคลที่ผู้เสียหายหรือผู้ถูกกระทำ ไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังการให้ถ้อยคำหรือข้อมูลต่างๆ ด้วย
แต่จากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้คุกคามทางเพศจากนายสรศักดิ์ที่เป็นข้าราชการสตรี ถูกย้ายตำแหน่งงาน ต่อมาถูกตั้งกรรมการสอบสวนจากนายสรศักดิ์ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษ และวิญญูชนทั่วไป หรือเป็นหัวหน้าส่วนราชการที่มีธรรมาภิบาลแต่อย่างใด
การที่สภาผู้แทนราษฎรหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 อย่างเคร่งครัด ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่น่าอับอาย และเสื่อมเสียเกียรติภูมิของรัฐสภาซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติ แต่กลับหลีกเลี่ยง ละเว้น ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกรณีคุกคามทางเพศต่อสตรีผู้ใต้บังคับบัญชา จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเป็นธรรม ความเมตตา และความช่วยเหลือต่อผู้เสียหายที่ถูกนายสรศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตนคุกคามทางเพศในการทำงาน และเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี มาตรการและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นต่อไป