ตามที่ พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล สั่งการให้ นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และนายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงิน 3 ดำเนินการคดีกับอดีตคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 นั้น เพื่อให้มีการดำเนินการตามแนวทางที่ชัดเจน และการดำเนินคดีให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้แต่งตั้งที่ปรึกษาคดีพิเศษ ประกอบด้วย (1) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการฝ่ายการสอบสวน 2 สำนักงานอัยการสูงสุด (2) พันตำรวจเอก ปัญญา กล้าประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 369/2564 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2564 เพื่อดำเนินการกับบุคคลที่กระทำความผิดในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟเป็นคดีพิเศษ 21/2564 รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดประมาณ 2,285 ล้านบาท
และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการฝ่ายการสอบสวน 2 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ประชุมร่วมกับ นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงิน 3 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 21/2564 ซึ่ง นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ ที่ปรึกษาคดีพิเศษ ได้ให้คำปรึกษาและวางแนวทางการดำเนินคดีอาญา ตลอดจนให้ข้อแนะนำในการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดให้กับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อกำหนดรูปแบบสำนวนคดี เพื่อใช้สั่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อศาลต่อไป
ต่อมาวันนี้ วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 เวลา 10.00 น. นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงิน 3 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 21/2564 ได้ประชุมหารือกับที่ปรึกษาคดีพิเศษ พันตำรวจเอก ปัญญา กล้าประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีความผิดมูลฐาน ในประเด็นการดำเนินคดีความผิดมูลฐาน และพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ต้องหาแต่ละราย รวมถึงพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์การกระทำความผิด ความคืบหน้าในการดำเนินคดีความผิดมูลฐาน ตลอดจนหารือประเด็นในเรื่องการโอนสำนวนคดีฟอกเงิน มายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ
จากนี้ไป เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และข้อสั่งการของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทางอาญาในทุกมิติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินการอบสวนขยายผลตามที่คณะที่ปรึกษาแนะนำ และจะทำการยึด หรือ อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อรวบรวมทรัพย์สินส่งให้ศาลมีคำสั่งยึด เพื่อส่งคืนให้แก่ผู้เสียหาย และหากเห็นว่าการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เกิดประโยชน์มากกว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะส่งเรื่องให้ สำนักงานป้องกันและปราบการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ และได้ทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว และจะเร่งรัดติดตามบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทรัพย์ที่ได้ไปจากการกระทำความผิด มาดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อย่างเด็ดขาด ต่อไป
ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2564
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน