ด้วยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ได้จับกุมตัวนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ในข้อหา “พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร,ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป” ต่อมาสื่อมวลชนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ หรือรับมอบตัว นั้น
ต่อมาวันนี้ วันที่ 3 มิถุนายน 2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ได้เข้าแสดงหมายจับ และจับกุมตัวนายไชย์พล ได้บริเวณโถงชั้นล่าง อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จากนั้นได้ควบคุมตัวนายไชย์พลฯ ส่งพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และลงบันทึกประจำวัน ก่อนส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร และยืนยันว่ากรณีนายไชย์พลฯ เป็นการจับกุมตัวตามหมายจับ ไม่ใช่การรับมอบตัวแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า การที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว หรือการจับกุมตัว ไม่ได้มีผลในทางกฎหมาย เนื่องจากผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ จะมอบตัวหรือจับกุมตัว ก็ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา และมีสภาพเป็นผู้ต้องหาอยู่แล้ว แต่การมอบตัว ฝ่ายผู้ต้องหาหรือผู้เกี่ยวข้อง อาจยกขึ้นเป็นเหตุผลในการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเหตุผลในเรื่องการไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน หรือของศาลแล้วแต่กรณี
อย่างไรก็ตามตำรวจที่จับกุมนายไชย์พลฯ มีอำนาจและหน้าที่ในการจับกุมตามหมายอยู่แล้ว หากพบเห็นนายไชย์พลฯ ปรากฎตัวต่อหน้า แล้วไม่ดำเนินการจับกุม อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157
และจากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควบคุมตัวนายไชย์พลฯ นั่งเฮลิคอปเตอร์วีไอพี กลับไปดำเนินคดีที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร โดยมีนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น และนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ร่วมโดยสารมากับเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวด้วย พร้อมกับมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหตุใดผู้ต้องหาในคดีร้ายแรงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ จึงได้รับเกียรติให้นั่งเฮลิคอปเตอร์ที่หรูหราทันสมัยที่สุดลำหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น
พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบการใช้อากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การเลือกใช้เฮลิคอปเตอร์ลำใด จะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารและระยะทางมาประกอบกัน ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ที่ปรากฏในข่าวเป็นเครื่องประจำการที่ใช้ในกิจการหลักของ (ตร.) อยู่แล้ว ไม่ใช่ (ฮ.) พิเศษวีไอพี ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ให้สิทธิพิเศษกับผู้ต้องหาคนใดคนหนึ่งอย่างที่ปรากฏในสื่อแต่อย่างใด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน