วันที่ 21 ก.ย. 59 ศาลอาญาพิพากษาในคดีเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุเทพ เทือกสุบรรณ ของบุตรชายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก โดยลงโทษจำคุก นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร และนายสามารถ เรืองศรี คนละ 5 ปี มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2534 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และลงโทษ นายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชาย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล คนละ 3 ปี มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของชาติ ประชาชนจะต้องร่วมกันหวงแหนบำรุงรักษาให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ร่วมกัน มิใช่เป็นของส่วนตัวแก่ผู้ใด
โดยการกระทำของจำเลยทั้งสี่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของดิน น้ำ อากาศ และป่าไม้ ทั้งโดยตรงและทางอ้อม อันเป็นต้นเหตุของความแห้งแล้งและภัยพิบัติจากน้ำป่าไหลหลาก สภาพความผิดจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ และให้จำเลยทั้งสี่ คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสี่อออกจากที่ดินและป่าไม้บริเวณที่เกิดเหตุ
เป็นเวลากว่า 3 ปี หลังจากที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้สั่งฟ้อง นายแทน เทือกสุบรรณ บุตร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และ แกนนำ กปปส. พร้อมพวกรวม 4 คน ในคดีบุกรุกที่ดินเขาแพง หมู่ 6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตามที่ดีเอสไอเสนอสำนวนส่งให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ถนนรัชดาภิเษก ในวันจันทร์ที่ 3 ธ.ค. 2555
ที่พบว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 และประมวลกฎหมายที่ดินจากกรณีนำเอา น.ส.3 ก.มาออกเป็นโฉนดโดยออกเกินจากหลักฐานเดิม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ พร้อมสร้างอ่างเก็บน้ำปิดกั้นลำลางสาธารณะ
โดยได้สั่งฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.3534/56 รวม 2 ข้อหา ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ คือ กระทำความผิดก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือ เผาป่า หรือ กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือ เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเอง และ ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือ เผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่