“จตุพร” เผยศาลนัดไต่สวนถอนประกัน 5 แกนนำ นปช.3 ต.ค.นี้ ชี้ดีเอสไอยก 3 ปม “พูดประชด รบ. คสช.-คุกคามกระบวนการยุติธรรม-ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น” ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง
เมื่อวันที่ 21 กันยายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า อัยการคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวแกนนำ นปช.5 คนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อศาลอาญา และศาลนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ เชื่อว่าการถอนประกันตัวแกนนำ นปช.นั้น มีเป้าหมายกดดันให้พวกเราหนีคดีหรือถูกนำตัวไปคุมขังคุก แต่ตนจะยืนหยัดต่อสู้ด้วยความจริง เพราะประกาศเอาชีวิตและอิสรภาพให้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ในคำร้องของอัยการระบุว่า ภายหลังศาลอนุญาตให้ปล่อยแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คน เป็นการชั่วคราวแล้ว แกนนำ นปช.ยังมีเหตุพฤติกรรมหรือการกระทำโดยพูดผ่านสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กในรายการมองไกล ทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวี และถูกเผยแพร่จากสื่อหนังสือพิมพ์อื่นๆ ไปทั่วราชอาณาจักร เข้าข่ายผิดเงื่อนไขให้ประกันตัวชั่วคราว จึงเป็นเหตุยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำ นปช. ทั้ง 5 คน โดยคำร้องอ้างเหตุกระทำที่ผิดเงื่อนไขการประกันตัวใน 3 กรณี ประกอบด้วย มีการพูดประชดประชันรัฐบาล คสช. การคุกคามกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น และดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่นให้เสื่อมเสียหรือหวั่นเกรงให้เกิดอันตราย พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการปลุกปั่น ยั่วยุ ปลุกระดมก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง
นายจตุพรกล่าวว่า ในคำร้องระบุว่า ตนพูดเสียดสี ประชดประชัน บิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กรณีก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ส่อให้เกิดความคลางแคลงใจกับการเรียกจ่ายค่าหัวคิวจากเงินบริจาค รัฐบาลเพิกเฉย และถ่วงรั้งมติของมหาเถรสมาคมในการแต่งตั้งสังฆราชองค์ใหม่ ส่วนการกล่าวหาหน่วยงานรัฐนั้น ในคำร้องอ้างเหตุคำพูดกล่าวหาหน่วยงานรัฐกระทำมิชอบ คุกคาม กดดันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐต่างๆ หลายแห่ง ทั้งที่การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานยังไม่เป็นที่ยุติ โดยยกกรณีพฤติการณ์ส่อทุจริตขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สนช.) รับแจ้งความการชุมนุมของคณะสงฆ์ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. อีกทั้งดีเอสไอสอบรถหรูโบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และอ้างเหตุกล่าวหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการปฏิบัติงานของนายวิชา มหาคุณ อดีต ป.ป.ช. ที่ตรวจสอบการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 51 ซึ่งแตกต่างจากการสลายการชุมนุมของ นปช.เมื่อ พฤษภาคม 2553 กลับไม่มีคนผิด ซึ่งคำพูดกล่าวหาการปฏิบัติหน้าที่ของ สนช. ดีเอสไอ และ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในบ้านเมืองได้
“คำร้องยื่นถอนประกัน ยังอ้างคำพูดดูหมิ่น เหยียดหยามผู้อื่น โดยอ้างว่าดูหมิ่นพุทธะอิสระ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม ที่รับผิดชอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ดูหมิ่น พล.ต.จุลเจิม ยุคล ที่เสนอให้ใช้ผู้หญิงโคโยตี้ เข้าสลายม็อบพระ และยังดูหมิ่น พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์ปี 2535 กรณีไม่เสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ในคำร้องขอให้เพิกถอนการประกันตัวชั่วคราวนั้น กล่าวโดยรวมว่าแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คน ได้กล่าวใส่ความ ให้ร้ายผู้อื่น ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และได้เผยแพร่ต่อสาธารณะ แสดงเพื่อก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เป็นการละเมิด กระทบสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลหรือหน่วยงานรัฐ จึงเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการให้ประกันตัวชั่วคราวของศาล เชื่อว่านับจากนี้ไปเมื่อใกล้วันศาลอาญานัดไต่สวน จะมีอีกหลายขบวนการออกมาเคลื่อนไหว มีเป้าหมายกดดันให้นำแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คน ไปเก็บไว้ในเรือนจำ แต่พวกผมจะนำข้อเท็จจริงของแต่ละเรื่องราวให้การต่อศาล เพื่อชี้ให้เห็นว่าสิ่งใดไม่เป็นความจริง” นายจตุพรกล่าว
Cr.มติชน