วันที่ 26 เม.ย.64 เวลา 13.30 น.ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5,พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5,พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5
ร่วมกันแถลงข่าว เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการปฏิบัติพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายหวงฯ อายุ 28 ปี สัญชาติจีน พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด.32 จำนวน 1 กระบอก,อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก,กระสุนปืนขนาด.32 จำนวน 1 นัด และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง พร้อมส่งดำเนินคดีในความผิดฐาน “จำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”
โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าผู้ต้องหาได้ประกาศขายอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอกๆ ละ 10,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ให้สายลับติดต่อล่อซื้อ และผู้ต้องหาได้ตกลงขายโดยนัดหมายกันที่บริเวณลานจอดรถใต้อาคารห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งบน ถ.เชียงใหม่-ลำปาง ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาได้นำอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางมาส่งมอบให้สายลับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมยึดของกลาง จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถึงวันที่ 16 ก.พ.63 (อยู่เกิน 419 วัน) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.เดชาฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน