วันที่ 22 เม.ย.64 ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก : ศาลฯ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1951/2561 ที่พนักงานอัยการคดี อาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายหรืออดีต พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล กับพวกรวม 11 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่นฯ
จากกรณีเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.-เม.ย. 2559 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกได้สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จับกลุ่มปรึกษาหารือเพื่อร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย 19 ราย และกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าที่เช่าพื้นที่ภายบริเวณตลาดใหม่ดอนเมือง แขวง-เขตดอนเมือง กทม. พวกจำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าผู้เสียหายมอบเงินให้แก่กลุ่มของจำเลยอันเนื่องมาจากการบังคับขู่เข็ญ ถูกข่มขืนใจ หรือถูกกำลังประทุษร้ายแต่อย่างใด จึงยังไม่อาจพิพากษาลงโทษพวกจำเลยได้
พิพากษายกฟ้อง ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย
โดยในวันนี้จำเลยทุกคนเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา โดยนายสันธนะฯ เปิดเผยกรณีหากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องว่า หลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องกลับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและจำเลยคนอื่นๆ โดยจะไล่ฟ้องตั้งแต่ระดับสั่งการ ปฎิบัติการ สืบสวน สอบสวน และเจ้าพนักงานตรวจค้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบ
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ แสดงให้เห็นว่าขณะที่จำเลยที่ 2-11 ไปเก็บเงินจากผู้เสียหายและผู้ค้าในตลาด ไม่ได้มีการข่มขู่ พกพาอาวุธ ในลักษณะกรรโชกทรัพย์ ส่วนประเด็นการล็อคประตู และทำลายทรัพย์สินหากผู้ค้าไม่ยอมจ่ายเงิน ก็เป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมาจากผู้ค้าในตลาดในยุคของผู้บริหารชุดเดิม และจากเอกสารใบเสร็จรับเงิน ระบุวัตถุประสงค์ของเงินที่เก็บเป็นเงินกองกลางที่ไว้ใช้สำหรับค่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานรักษาความสะอาด รวมไปถึงการจัดกิจกรรมของตลาดในวันพิเศษต่างๆ นอกจากนี้พยานหลักฐานยังระบุว่า ผู้เสียหายกับกลุ่มจำเลยมีลักษณะการพึ่งพาช่วยเหลือกัน ผู้เสียหายไม่ได้มีความหวาดกลัวจำเลยแต่อย่างใด จึงไม่อาจระบุได้ว่าจำเลยข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน