ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 20 กันยายน เวลา 10.50 น. ศาลอ่านคำพิพากษาหมายเลขดำ อท.3/2558 ให้จำคุกนายพีระพงศ์ อิศรภักดี อดีต ผอ.องค์การขนส่งมวลชน( ขสมก.) เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญาในความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 กรณีไม่ยกเลิกสัญญาเช่าที่จอดรถเอื้อประโยชน์ให้เอกชน
คดีนี้ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพีระพงศ์ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.39 ขสมก.ได้ทำสัญญาเช่าอู่เพชรงาม และลานจอดรถยนต์กับ บริษัทนรินทร์ แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เนื้อที่ 17 ไร่ 3 งานที่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กำหนดเวลา 5 ปี ช่วง 3 ปีแรก เช่าเดือนละ 1,022,400 บาท ปีที่ 4 – 5 เดือนละ 1,124,640 บาท แต่เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2545 ซึ่งเป็นวันครบสัญญา จำเลยกลับทุจริต ไม่ทำหนังสือบอกเลิกสัญญา ทำให้ ขสมก.ต้องเช่าอู่เพชรงามต่อไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาเดือนละ704,880 บาท รวม 1 ปี เป็นเงิน 8,458,560 บาท ทำให้ บ.นรินทร์ ฯ ได้รับประโยชน์มิควรได้ โดยจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานจากการไต่สวนและ สำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แล้ว เห็นว่า จำเลยในฐานะ ผอ.ขสมก. ทราบว่า สัญญาเช่ามีข้อตกลงว่า หากครบกำหนดการสิ้นสุดสัญญาเช่า แล้วไม่แจ้งบอกเลิกสัญญาก่อน 3 เดือน สัญญาเช่าจะต่ออัตโนมัติโดยอัตราค่าเช่าจะเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาเดือนสุดท้ายที่มีราคาแพง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ขสมก. ที่มีจำเลยร่วมประชุมด้วย ได้พิจารณาถึงปัญหาการเช่าที่จอดรถของอู่แล้ว ได้มีมติให้ดำเนินการต่อรองลดค่าเช่า หรือให้บอกเลิกสัญญา แต่จำเลยกลับใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่เคารพมติที่ประชุมด้วยการแจ้งต่ออู่เพชรงามว่า จะจ่ายค่าเช่าให้เดือนละ 200,000 บาทเศษ เพื่อแสดงให้เอกชนนั้นเห็นว่า จำเลยมีอำนาจให้คุณให้โทษได้ แล้วหลังจากนั้นยังไม่ดำเนินการใดๆ
กระทั่งก่อนจะสิ้นสุดสัญญาช่วง 3 เดือนสุดท้าย รอง ผอ.ขสมก. มีหนังสือกระตุ้นเตือนให้จำเลยพิจารณาแนวทางเพื่อดำเนินการดังกล่าว หลังจากที่ฝ่ายการเดินรถและฝ่ายกฎหมายและคณะกรรการพิจารณาสถานที่เช่าอู่ เคยมีหนังสือด่วนสุดให้จำเลยพิจารณาดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการเชิญตัวแทนอู่ มาพูดคุยเพื่อตกลงจะเช่าที่ตามที่ใช้จริงซึ่งเอกชนยืนยอมจะให้เช่า พื้นที่ 10,600 ตร.ม.ในเวลา 3 ปี ซึ่งจะทำให้ ขสมก. ชำระค่าเช่าได้ถูกกว่า การต่อสัญญาอัตโนมัติที่จะมีเวลานานถึง 1 ปี แต่จำเลยกลับไม่ตัดสินใจจนสัญญาเช่าสิ้นสุดไปแล้ว 10 วันก็ยังคงไม่บอกเลิกสัญญาหรือดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ทำให้ ขสมก.ต้องสูญเสียจากการที่สัญญาเช่าต่อโดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้การที่จำเลยทราบปัญหาดี แต่ไม่ดำเนินการใดๆ ถือเป็นการกระทำผิดวิสัยทั่วไปของผู้บริหาร ไม่ใช่แค่ความบกพร่องทางหน้าที่ราชการ แต่เชื่อว่ามีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่าย อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ที่จำเลยอ้างว่า ขสมก.มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ต่อนั้น จำเลยก็ต้องเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ปล่อยให้สัญญาเช่าต่อโดยอัตโนมัติซึ่งเป็นทางเลือกที่ทำให้ ขสมก.สูญเสียมากที่สุด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักมั่นคงให้รับฟังได้ว่า จำเลยเป็นพนักงานของรัฐกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นความผิดตาม ม.11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลย 3 ปี โดยไม่มีเหตุรอการลงโทษ
ต่อมาทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 200,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวนายพีระพงศ์ ระหว่างอุทธรณ์คดี อย่างไรก็ตาม ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้วเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์ เป็นผู้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าศาลอุทธรณ์จะใช้เวลาพิจารณาคำสั่งประกันตัวนายพีระพงศ์ราว 2 -3 ตัวทำให้นายพีระพงศ์จำต้องถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพก่อน