วันที่ 4 ก.พ.64 เวลา 13.30 น.ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 อาคาร บช.น. : พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย,พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร,พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมของบก.สส.บช.น.จับกุมเฮโรอีน 420 กก.,สน.ทองหล่อจับกุมแก๊งปาร์ตี้ยาเสพติด และจับกุมผู้ต้องหาส่งยาเสพติดทางพัสดุไปรษณีย์,จับกุมแก๊งรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ บก.น.8
คดีที่ 1 : พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัสผกก.สน.ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามจับกุมผลการปฏิบัติดังนี้ วันที่ 3 ก.พ.64 เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายเอกอนันต์ฯ พร้อมพวกรวม 10 คน บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 91 กลางซอยสุขุมวิท 49/19 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ลักษณะผงสีขาวอยู่ในจานแก้ว ชั่งน้ำหนักรวมถุงได้ 0.7 กรัม โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) โดยผิดกฎหมายและร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความ
ไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 ข้อ3 (2) ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19),กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34 (6)”
เนื่องจากมีการสืบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีการปล่อยให้เช่าเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานสังสรรค์กัน โดยมีการประกาศทางโซเชี่ยล จึงได้เฝ้าติดตามเนื่องจาก เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จากการสอบถามทราบว่า ได้มีการสังสรรค์และเสพยาอี จึงได้ตรวจหาสารเสพติด ผลการตรวจพบสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนในร่างกายจำนวนทั้งหมด 7 คน ส่วนอีก 3 คน ไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ เนื่องจากมาสังสรรค์ดื่มกินแต่ไม่ได้เสพยา จากนั้นจึงนำส่งพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 : พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัสผกก.สน.ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามจับกุมผลการปฏิบัติดังนี้ วันที่ 3 ก.พ.64 ได้จับกุมนายอรรถพรฯ บริเวณบริษัทขนส่งพัสดุ SCG Express สาขาเอกมัย ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 1,453 เม็ด และไอซ์ น้ำหนักรวม 68 กรัม โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
สืบเนื่องมาจากการขยายผลการจับกุมนายวรพลฯ โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ทำให้สืบสวนจนทราบว่า ยาเสพติดของกลางนั้น ต้นทางส่งมาจาก บริษัท SCG EXPRESS ตั้งอยู่ถนนเอกมัย จนกระทั่งวันที่ 3 ก.พ.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบชายมีลักษณะคล้ายนาย อรรถพร ฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดที่ หน้าบริษัท SCG EXPRESS เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวเพื่อตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบซองพัสดุ จากการสอบถาม นายอรรถพรฯ รับว่าภายในซองพัสดุนั้น คือ ยาบ้าและไอซ์ ที่กำลังจะส่งให้กับลูกค้า จากนั้นนำตัวนายอรรถพรฯ พร้อมของกลางมาทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ทองหล่อ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 : พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์
ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2ฯ ทำการสืบสวนคดียาเสพติดรายสำคัญ
ให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยสืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ จำนวนหลายคดีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทราบว่ามีกลุ่มบางนา มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคอีสาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 เวลาประมาณ 00.10 น. เจ้าหน้าทึ่ฯได้จับกุมตัวนางสาวพิมลรัตน์ฯ พร้อมพวกรวม 5 คน ภายในบ้านเลขที่ 21/159 ม.ถาวรนิเวศน์ 1 ซ.บางนา-ตราด 14
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวนประมาณ 1,200 แท่ง (น้ำหนักรวมประมาณ 420 กิโลกรัม),รถยนต์ โตโยต้า วีโก้ สีทอง,โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง,รถยนต์ อีซูซุ ดีแม๊ค สีขาว,สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม,บัตร ATM จำนวน 5 ใบ
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 4 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.8 ได้สั่งการให้ กก.สส.บก.น.8,สน.บุปผาราม,สน.สมเด็จเจ้าพระยา,สน.บางมดและ สน.บางยี่เรือ บูรณาการกำลังออกสืบสวนจับกุม แก๊งลักรถจักรยานยนต์ ที่มีเหตุรถจักรยานยนต์ ประชาชนถูกลักเอาไปในพื้นที่ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
จากพฤติกรรมของคนร้ายมักจะขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนไปในเขตชุมชน,ที่พักอาศัย,ตลาด และสถานที่ต่างๆ เมื่อสบโอกาส จะเข้าไปใช้เหล็กรูปตัวทีแทงเบ้ากุญแจ ติดเครื่องยนต์ ลักเอารถจักรยานยนต์ไป จึงสืบสวนโดยใช้กล้องวงจรปิดที่ได้รับจากโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ติดตั้งเพิ่มในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งทำให้ทราบเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี สืบสวนจนทราบว่า มีนายพุฒิพงศ์ฯ หรือไอซ์ เป็นหนึ่งในแก๊งลักรถจักรยานยนต์ดังกล่าว
โดยมักจะตระเวนลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่อยู่เป็นประจำ จึงเฝ้าสังเกตการณ์ติดตามพฤติกรรมเรื่อยมา
จนกระทั่งพบ นายพุฒิพงศ์ฯ ที่บริเวณหน้าบิ๊กซี ถนนอิสรภาพ แขวงวัดกัลยา เขตธนบุรี กรุงเทพฯ กำลังดูรถจักรยานยนต์ที่จะลงมือลัก เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม พบของกลาง ไอซ์ จำนวน 0.89 กรัม และเครื่องมือลักรถจักรยานยนต์ ประกอบด้วยแท่งเหล็กปลายแหลม (ใช้สำหรับแทงเบ้ากุญแจรถจักรยานยนต์) จำนวน 3 อัน เหล็กรูปตัวที จำนวน 1 อัน (ใช้ต่อกับเหล็กปลายแหลมเพื่อแทงเบ้ากุญแจ) แท่งเหล็กฝังแม่เหล็กสำหรับใช้เปิดเบ้ากุญแจ จำนวน 1 อัน ซึ่งนายพุฒิพงศ์ฯ รับสารภาพว่ากำลังจะลักรถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่บริเวณหน้าห้างฯดังกล่าวจริง
จากข้อมูลที่สืบสวนมาและขยายผลแก๊งลักรถจักรยานยนต์ของนายพุฒิพงศ์ฯ ได้ก่อเหตุในพื้นที่ สน.บุปผาราม จำนวน 3 คดี,สน.บางยี่เรือ จำนวน 1 คดี,สน.สมเด็จเจ้าพระยา จำนวน 1 คดี,สน.บางมด จำนวน 1 คดี,สน.พระราชวัง จำนวน 1 คดี,สน.พลับพลาไชย 1 จำนวน 1 คดี,สน.บางขุนเทียน จำนวน 6 คดีและ สน.บางเขน จำนวน 2 คดี รวมทั้งสิ้น 16 คดี โดยมีหมายจับ ของ สภ.กระทุ่มแบน และสน.บุปผาราม เคยถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ที่สน.ราษฎร์บูรณะ และ สน.บางบอน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงบูรณาการข้อมูลและประสานการปฏิบัติร่วมกันดำเนินคดีผู้ต้องหา อีกทั้งยังสืบสวนขยายผลไปถึงขบวนการรับรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาเพื่อส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมีการปลอมแปลงเอกสารตัวรถ และขนส่งนำข้ามชายแดน ลักษณะเป็นขบวนการใหญ่
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ฯ ขอเรียนพี่น้องประชาชนให้ทราบว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมายในโซเชียลมีเดีย โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน