วันที่ 1 ก.พ.64 เวลา 11.00 น. ที่ บก.ปคม. : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เขตสายไหม พาหญิงสาวชาวไทย 6 ราย ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. และ พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายหน้าแม่เล้าชาวไทย หลังถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งหลบหนีออกมาจากซ่อง ขอความช่วยเหลือผ่านสถานทูตฯ จนสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมรับฟังการสอบปากคำ ก่อนนำเหยื่อนำเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือตามกฎหมาย
พล.ต.ต.สยามฯ กล่าวว่า ผู้เสียหายรายหนึ่งตกงานช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้หางานทางเฟซบุ๊กพบว่ามีงานนวดแผนโบราณรายได้ดีที่ประเทศบาห์เรนและจะออกค่าเดินทางทั้งหมดให้ก่อน ประมาณ 130,000 บาท จึงติดต่อผ่านนายหน้า โดยเดินทางไปเมื่อช่วงเดือน ตุลาคม 2563 จากนั้นถูกบังคับขายตัว ต่อมาผู้เสียหายหลบหนีออกมาจากซ่องได้อย่างทุลักทุเล ช่วงเดือน ธันวาคม 2563 และโทรศัพท์ติดต่อญาติผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ กระทั่งเดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 ม.ค.64
“คดีนี้ได้ประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เข้าช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์รายหนึ่งจากประเทศบาห์เรน โดยมีนายหน้าชาวไทยโน้มน้าวว่าจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้และมีรายได้สูง อ้างว่าไม่มีการค้าประเวณี แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับข่มขู่ให้ค้าประเวณี ถูกยึดพาสปอร์ตและกักขังไว้ภายในร้าน ก่อนที่จะหนีออกมาขอความช่วยเหลือได้ จากนี้ บก.ปคม.จะสอบสวนรายละเอียดต่างๆ ก่อนขยายผลถึงตัวผู้ต้องหาแล้วติดตามมาดำเนินคดี”
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ฯ กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายคนดังกล่าวหลบหนีออกมา ได้ติดต่อผ่านญาติที่พักอาศัยอยู่ในเขตสายไหมว่าถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน ระยะเวลาราว 2 เดือนเศษ เข้าขอความช่วยเหลือกับตนจึงประสานตำรวจและ (กต.) เข้าให้การช่วยเหลือเหยื่อได้ทั้งหมด 6 ราย ก่อนพาเหยื่อมาร้องทุกข์กับ ตำรวจ ปคม. ขอฝากว่า คนที่จะไปทำงานต่างประเทศ ให้ประสานกับกระทรวงแรงงานหรือกรมจัดหางานตามแต่ละจังหวัดตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่เช่นนั้นอาจมีโอกาสถูกหลอกลวงได้สูง
ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ฯ เผยว่า จากสถิติปี 2561 พบว่ามีคนไทยไปทำงานต่างแดนในหลายประเทศ เช่น บาห์เรน,เยเมน,ญี่ปุ่น,การ์ตา และเยอรมนี แต่พบว่าบางส่วนสมัครใจไปค้าประเวณีเอง และมีบางส่วนที่ถูกหลอก จึงต้องมาสอบปากคำร่วมกับ (พม.) เพื่อคัดแยกเหยื่อเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือและคุ้มครองตามกฎหมายพร้อมประสานอัยการสูงสุดร่วมสอบสวนและขอออกหมายแดงเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่ในต่างประเทศต่อไป
ขณะที่ น.ส.กล้วยหอมฯ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนตกงานช่วงโควิดระบาด ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว แล้วเห็นข้อความรับสมัครพนักงาน ทำงานร้านนวดไทย ที่ประเทศบาห์เรน ระบุว่ารายได้ดี เดือนละเกือบ 100,000 บาท จึงสนใจ ติดต่อพูดคุยกับนายหน้าผ่านทางแชทไลน์ โดยนายหน้าแจ้งว่า เป็นงานนวดไทยเท่านั้น ไม่มีการค้าประเวณีใดๆ และเมื่อไปถึงบาห์เรน จะต้องเข้าอบรมการนวด 2 สัปดาห์ ก็จะสามารถทำงานได้ ตนจึงหลงเชื่อตกลงไปทำงาน โดยนายหน้าแจ้งว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะหักจากเงินเดือนที่ได้รับโดยผ่อนชำระเป็นงวดๆ แต่เมื่อมาถึงประเทศบาห์เรน มีนายหน้าชาวบาห์เรน มารับที่สนามบินพาไปที่พัก วันต่อมาถูกยึดพาสปอร์ต บังคับให้ค้าประเวณี หากไม่ทำจะถูกทุบตี
น.ส.กล้วยหอมฯ กล่าวต่อว่า มีบางวันต้องรับลูกค้านับ 10 ราย โดยไม่ได้รับเงินทั้งสิ้น กระทั่งแม่เล้าเริ่มวางใจยอมให้ตนใช้โทรศัพท์และออกไปข้างนอกร้านได้ เมื่อสบโอกาสจึงนัดกับเหยื่ออีก 3 คน พากันหลบหนีออกไปติดต่อขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งสามารถหนีรอดกลับมาประเทศไทยได้
พล.ต.ต.สยามฯ กล่าวว่า หญิงสาวผู้เสียหายทั้ง 6 รายได้รับการกักตัวปลอดจากเชื้อโควิด-19 แล้วถึงเดินทางมาที่ บก.ปคม.วันนี้
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน