“บิ๊กตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ นำร่องให้เด็กนักเรียนร.ร.วัดสุทธิฯเล่นกีฬาวันละ 1 ชม.ไม่จำเป็นต้องเก่งแต่ขอให้ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพที่ดี ระบุงบประมาณปี 65 เตรียมส่งเสริมเรื่องกีฬามากขึ้นทั้งสถานที่ฝึกซ้อมและศูนย์ฝึกทั่วไทย ขณะที่ “ดร.ยะ” อัฏฐผล ถิรพรพงษ์ศิริ ผอ.ป้ายแดง ขานรับนโยบายเต็มที่ เพราะมีประสบการณ์โชกโชนย้ำที่เข้ามาเพื่อ “แชมป์” เท่านั้น
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ “บิ๊กตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร เนื่องในโอกาสการเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม คนใหม่ของ “ดร.ยะ” นายอัฏฐผล ถิรพรพงษ์ศิริ พร้อมร่วมแสดงความยินดีกับ นายมนตรี เปรมบุญ ที่ได้รับตำแหน่งนายกสมาคมผู้ปกครองและครูฯ โดยมี นายธัชเมศฐ์ ธนนท์วุฒิฉัตร กก.ผจก.บริษัท บางกอกแอธเลติก จำกัด,ส.ส.พัชรินทร์ ชำศิริพงษ์ หรือ “ดร.ส้ม”,ดร.วีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ นายสมพร ปิยะพันธ์ อธิการบดี ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพให้การต้อนรับ มี 3 ทีมเข้าแข่ง คือ วีไอพี เรารักสาทร,วีไอพี แพน และ ทีมศิษย์เก่าวัดสุทธิฯ
นายณัฏฐพลฯ เปิดเผยว่า จากแนวทางนโยบายที่ตนมีความคิดให้นักเรียนแต่ละโรงเรียนเล่นกีฬาวันละ 1 ชม. เรื่องนี้จะต้องผลักดันให้เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะปีการศึกษาหน้านี้ ถือว่า เป็นการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนนักเรียนทั่วประเทศให้มีเวลาการออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายนั้นมีหลายรูปแบบ และไม่ต้องกังวลว่า จะกินเวลาเรียน หรือเรื่องวิชาการจะเสียไปทุกอย่างปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ ถ้าหากเด็กได้ออกกำลังกายจะเก่ง หรือไม่เก่ง ถือว่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ขอให้ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี ยิ่งในส่วนของภาพรวมเป็นการส่งเสริมศักยภาพในหลายๆด้าน ส่วนกีฬาที่สำคัญอย่างฟุตบอล,บาสเกตบอล,วอลเลย์บอล และ ว่ายน้ำ ทางกระทรวงฯกำลังจะปรับให้มีสถานที่และศูนย์ฝึกซ้อมสำหรับเด็กๆ อย่างจริงจัง ทั้งในโรงเรียนและตามภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งนี้เราต้องหาโรงเรียนที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการขยายตัว หรือสานต่อในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย เนื่องจากตัวเองให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย แถมยังเคยเป็นอดีตนักกีฬามาก่อนทั้งฟุตบอล,บาสเกตบอล รวมไปถึงผู้จัดการทีมเทควันโด และฟุตบอลจึงย่อมรู้ดีว่า พวกเขาต้องการอะไร ซึ่งการเรียนกับการกีฬานั้นสามารถเดินทางควบคู่ไปด้วยกันได้
โดยเฉพาะโรงเรียนวัดสุทธิฯ นั้นเคยมีตำนานอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับฟุตบอล สามารถผลิตนักเตะฝีเท้าดีเข้าสู่ทีมชาติมากมาย แม้ว่า สถานที่จะไม่เอื้ออำนวยคือไม่มีสนามหญ้าก็ตาม แต่นั่นคือ การต่อสู้และมุมานะอุตสาหะถือว่า เป็นตัวอย่างของโรงเรียนนำร่องในกทม.ที่ตนอยากให้สถานศึกษาอื่นๆ ดูเอาไว้ว่า ผู้บริหารเขาจัดการเรื่องนี้กันอย่างไร เพราะคำว่า “ตำนาน” มันไม่ได้สร้างในเวลาอันรวดเร็ว แต่มันต้องสะสมและใช้เวลาที่ยาวนานจนได้รับการยอมรับไปทั่ว
อย่างไรก็ตามอนาคตตัวเองยังให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำชุมชนตามต่างจังหวัด โดยเราจะหาโรงเรียนในชุมชนต่างๆทั่วประเทศที่มีคุณภาพดี เพื่อเราจะให้การสนับสนุนเรื่องของงบประมาณ โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม ปีหน้าทางกระทรวงฯ จะผลักดันเรื่องกีฬาให้มากขึ้น เพราะงบประมาณของปี 2565 เราได้ตั้งรอเอาไว้แล้วที่จะส่งเสริมและเน้นเรื่องกีฬาของนักเรียน ซึ่งทางร.ร.วัดสุทธิฯ เองก็สามารถสนองนโยบายให้นักเรียนเล่นกีฬาวันละ 1 ชม.ได้เลย ดีกว่าเอาเวลาไปทำในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ เพราะทุกคนคือ อนาคตของชาติ
ขณะที่ ดร.อัฏฐผลฯ ได้กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ “บิ๊กตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาเป็นประธานด้วยตัวเองพร้อมกำชับและให้นโยบายอย่างจริงจัง แน่นอนว่า นโยบายทุกอย่างที่ได้รับฟังในวันนี้่ตัวเองพร้อมและยินดีขานรับอย่างเต็มที่ในฐานะเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักเรียนได้ออกกำลังกายวันละ 1 ชม.นั้น ถือว่า เป็นเรื่องที่ดี เด็กๆจะได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ไม่ต้องไปติดเกมส์ หรือหมกมุ่นแต่ในโลกโซเชี่ยล
ขณะที่นโยบายการทำทีมฟุตบอล “สิงห์สะพานปลา” นั้น ตัวเองมีประสบการณ์มาก่อน คือ ผู้จัดการทีมฟุตบอลนักเรียนไทยรุ่นอายุ 18 ปี และคว้าแชมป์มาได้ 2 สมัย แน่นอนว่า การมาครั้งนี้คือเราต้องการคว้าแชมป์อย่างเดียวเท่านั้่นทั้งรุ่น 14,16 และ 18 ปี ซึ่งรายละเอียดในการทำทีมจากนี้ไปคงต้องเรียกทีมงานสตาฟฟ์โค้ชมาพูดคุยทั้่งหมด พร้อมกันนี้ตัวเองก็ได้อนุมัติให้มีการจ้างโค้ชฟุตบอลเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนอนาคตในเรื่องของอาหารให้ครบ 3 มื้อและในเรื่องของหอพักต่างๆ ก็ทำการศึกษาและหาวิธีการอยู่ว่า จะหางบประมาณในส่วนไหนมาช่วยเหลือนักกีฬาที่เรามีอยู่เกือบ 100 คน วันนี้ตัวเองได้เห็นวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของ นายณัฏฐพลฯ รู้สึกปลาบปลื้มและเดินหน้าทำงานต่อให้ดีที่สุด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน