วันที่ 17 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น. ณ วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จว.นครปฐม : พล.ต.ต.สุรชาติ มณีจักร ผบก.ภ.จ.นครปฐม พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7,พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบก.ภ.จ.นครปฐม,พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.สส.ภ.7,พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก. สภ.เมืองนครปฐม และเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม ผู้ต้องหาลักทรัพย์พระเครื่อง และเงินบริจาคในวัดไผ่ล้อม ตามหมายจับของศาล จ.นครปฐม โดยผู้ต้องหาก้มลงกราบหลวงพ่อน้ำฝนขอโทษ ส่วนเงินที่เอาไปคนร้ายรับว่าติดการพนัน
โดยผู้ต้องหาคือ นายสมคิด หรือติ่ง แต้มงาม ซึ่งลักทรัพย์พระเครื่อง และเงินบริจาคในวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ 307/2563 พร้อมด้วยของกลาง ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า”
พล.ต.ต.นพศิลป์ฯ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.สส.ภ.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ได้ลงพื้นที่ปูพรมร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคือ นายสมคิด หรือติ่ง แต้มงาม อายุ 33 ปี (ฉายาคิดสไปเดอร์แมน) อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 10 ตำบลสำโรงตาเจ็น อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบภาค 7 สามารถจับกุมได้พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการจากวัดต่างๆ โดยมี พระเครื่องวัดหนังราชวรวิหาร 735 รายการ,พระเครื่องวัดท่าไม้จำนวน 12 รายการ,มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 169 รายการ,พระเครื่องวัดไผ่ล้อมจำนวน 7 รายการ,เงินทำบุญวัดไผ่ล้อม 4,553 บาท
ตรวจสอบประวัติของนายสมคิดฯ เมื่อประมาณปี 2559 ถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์สน.บางขุนเทียน โดยมีพฤติกรรมเลียนแบบแมงมุม สไปเดอร์แมนโดยมีการโรยตัวลงมาจากฝ้าเพดานเพื่อทำการลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือ โดยตระเวนหลักทรัพย์หลายครั้งก่อนถูกจับ จำคุก 8 เดือน และถูกอายัดตัวในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน สภ. บางใหญ่ จำคุก 3 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อ 3 ตุลาคม 2563 ในช่วงเวลาระยะ 2 เดือนนายสมคิดฯได้มาก่อเหตุลักทรัพย์อีกครั้งทั้งหมด 4 วัด คือวัดหนังราชวรวิหาร,วัดท่าไม้,มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 ได้ก่อเหตุที่วัดไผ่ล้อม ตำบลพระปฐมเจีดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
จากการตรวจสอบพบเอกสารจดหมายและการบันทึกข้อความพร้อมรูปถ่ายของวัดดังในกทม.และและต่างจังหวัด ของนายสมคิดฯ พบว่าทำเนียนเข้าไปพบพระสงฆ์ในวัด และไปตีสนิท เข้าไปเช่าพระเข้าไปสำรวจเส้นทางของวัด การตรวจสอบตามตู้บริจาคต่างๆภายในวัด และสถานที่เก็บวัตถุมงคลของวัดรวมทั้งทรัพย์สินที่มีค่าเช่นพระพุทธรูปพระเครื่องต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมพร้อมจะรอวางแผนร่วมส่งจดหมายให้เพื่อนที่ใกล้จะออกจากเรือนจำ ทำและร่วมมือกันก่อเหตุลักทรัพย์ ครั้งต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบภาค 7 นำอุปกรณ์การก่อเหตุมีเครื่องหินเจีย คีมตัดเหล็ก และเสื้อผ้าในการก่อเหตุ โดยนำตัวผู้ต้องหามาทำแผน และชี้จุดที่ก่อเหตุในวัดไผ่ล้อม จากการสอบสวนผู้ต้องหาทราบว่า ผู้ต้องหาเคยทำการงัดตู้บริจาคที่วัดไผ่ล้อมมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 และได้สารภาพว่าก่อนที่จะลงมือนั้นได้มาดูลาดเลาหลายวันก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ และยอมรับว่าทำคนเดียว โดยนำเงินที่ขโมยไปทั้งหมดไปเล่นการพนัน ยอมรับว่าทำมาหลายที่แล้ว ในการงัดวัดต่างๆทุกครั้งจะใช้วิธีการหนีโดยการพรางตัว และไม่ใช่ยานพาหนะ โดยจะเปลี่ยนเส้นทางไปตลอด หลังจากก่อเหตุได้ไปกบดานที่หอพักไม่มีชื่อในซอยพระราม 2 ซอย 59 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบภาค 7 รู้จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำดนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน