วันที่ 14 ธ.ค,63 เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ( บก.ป. ) ถนนพหลโยธิน กทม. : นายสันธนะ ประยูรรัตน์ พร้อมด้วยนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนกแงปราบปราม เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ อดีตนักแสดง ใน 4 ข้อหา คือความผิดฐานพยายามฉ้อโกง,เรี่ยไรเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต,ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดที่เกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบัน ที่ขอรับบริจาคเงินซื้อเสื้อสีชมพู ของโรงพยาบาลศิริราช เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ ภายหลังได้รับข้อมูลการเปิดรับบริจาคเงินเพื่อจัดทำเสื้อสีชมพูไปแจกจ่ายให้ประชาชนในโอกาสต่างๆ
นายสันธนะฯ กล่าวว่า แม้ว่าตนเองจะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และไม่ได้ปล่อยให้โอนเงิน 2 ล้านบาท ตามที่มีคนมาขอยืมเพื่อไปบริจาค แต่เห็นว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ และต้องการให้นายบิณฑฯ ์ออกมาชี้แจง แต่ที่ผ่านมานายบิณฑ์ฯ กลับนิ่งเฉย ประกอบกับพยานหลักฐานที่ตนมี ทำให้เชื่อได้ว่าอาจมีการกระทำผิดจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานให้ตำรวจดำเนินคดี
โดยวันนี้ได้พาพยานบุคคลจำนวนหนึ่งที่ทราบข้อเท็จจริง มาให้ตำรวจสอบสวนปากคำ ส่วนนายนิรันดรฯ ซึ่งถูกพาดพิงว่าเป็นผู้จัดทำเสื้อ ได้พูดคุยกันแล้ว ก็ยืนยันว่าพร้อมจะเข้าให้ปากคำกับตำรวจในฐานะพยานเช่นกัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า สิ่งที่ตนออกมาเคลื่อนไหว ตนเองไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด และมองว่าสิ่งที่ทำ จะทำให้สังคมได้รับประโยชน์มากว่า
ขณะที่นายเสี่ยโป้ฯ กล่าวว่า ตนมาในฐานะที่เป็นคนติดต่อจะบริจาคกับนายบิณฑ์ฯ ยืนยันว่า ตนมาให้การกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยานเท่านั้น ไม่ได้มาแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งจะส่งผลกระทบกับรูปคดีหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ยอมรับว่าหนักใจกับเรื่องนี้ เพราะฝ่ายหนึ่งคือคนที่ตนเคารพ อีกฝ่ายคือคนที่ตนรู้จัก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ แต่ที่ตนทำไป เพราะต้องการทำบุญเท่านั้น และวันนั้นก็บอกกับนายบิณฑ์ไปแล้วว่า ไม่ต้องการให้เปิดเผยชื่อของตนต่อสาธารณะ
เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าในอนาคตจะเลือกทำบุญด้วยตัวเอง ข้อเท็จจริงต่างๆ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไปแล้ว ส่วนพยานหลักฐานต่างๆ ที่นายสันธนะฯมี ตนเคยเห็นแค่ในวันแถลงข่าว ไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย ตนเองไม่ได้อยากจะเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของสูงเกี่ยวกับสถาบัน และรู้สึกลำบากใจ ที่ต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างนายสันธนะ และนายบิณฑ์ เพราะจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนที่เสีย
ทั้งนี้รับว่าก็ยังคงติดใจในเรื่องที่นายบิณฑ์ฯ ทำเสื้อสีชมพูมาถึง 3 แสนตัว แต่คุณหมอที่เป็นเจ้าของโครงการ เปิดเผยว่าทำมาเพียงแค่ 2 แสน 4 หมื่นตัวเท่านั้น ประเด็นนี้เห็นได้ว่ายอดจัดทำเสื้อไม่ตรงกัน ส่วนตัวจึงต้องการต้องการให้นายบิณฑ์ฯ ออกมาอธิบายให้สังคมได้เข้าใจในประเด็นนี้
หลังจากนี้หากนายบิณฑ์ฯ มีโครงการรับบริจาคอะไรอีก ตนเองจะไม่ไปร่วมทำบุญด้วย หากตนเองจะทำบุญก็ทำเอง ทำแบบเงียบๆ ไม่บอกใคร และถ้าในอนาคตจะติดต่อนายบิณฑ์ฯ ก็จะติดต่อเองไม่ผ่านใครทั้งสิ้น
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน