วันอังคารที่ 15 ธ.ค.63 เวลา 13.30 น. ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย,พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.4 บก.สส.สตม.,พ.ต.ต.นนท์สมรรถ โบว์สุวรรณ,พ.ต.ต.จินดา แขกปัญญา,พ.ต.ต.ชิต ศรีไชย สว.กก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแภลงข่าวผลการจับกุม MR.YONG (หยง) อายุ 36 ปี สัญชาติจีน ในข้อหา “อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง”,MR.YUE (เยว) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน “ถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว” และ MR.PEI (เพ่ย) อายุ 45 ปี สัญชาติจีน ข้อหา “เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ว่ามีกลุ่มคนร้ายได้ทำการส่งข้อความ SMS เข้าไปยังมือถือของผู้เสียหายโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ และต้องการให้ลูกค้ากรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์ม เพื่อทำการอัพเกรดระบบธนาคารออนไลน์ จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการกด LINK ที่ผู้ต้องหาส่งมาให้ ซึ่งเมื่อกดแล้วจะแสดงแพลตฟอร์มเป็นรูปแบบของธนาคารไทยพาณิชย์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวรวมทั้งรหัส OTP
จากนั้นเมื่อผู้เสียหายกรอกข้อมูลแล้วทางผู้ต้องหาก็จะเอาข้อมูลส่วนตัวรวมทั้งรหัส OTP ไปและทำการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหาย ซึ่งจากการสืบสวนตอนนี้ มีผู้เสียหายจำนวนมากและความเสียหายหลายล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ขบวนการนี้เป็นกลุ่มขบวนการของคนจีนและไต้หวันที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งได้มีคนร้ายชาวไต้หวันทำหน้าที่ในการสร้างแพลตฟอร์มเลียนแบบธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้ผู้เสียหายที่หลงเชื่อทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อวันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชนและเบอร์โทรศัพท์ รวมทั้งรหัส OTP
และจากนั้นได้นำเอา LINK ของแพลตฟอร์มดังกล่าวส่งผ่านระบบข้อความ SMS ให้กับผู้เสียหายอ้างว่าเพื่อทำการอัพเกรดระบบธนาคาร เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วจะทำการกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มและคนร้ายชาวไต้หวันจะทำการเอาข้อมูลดังกล่าวไปสมัครลงแอพพลิเคชั่น SCB EASY ลงในโทรศัพท์ของคนร้ายชาวไต้หวันและจากนั้นจะทำการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายเข้าสู่บัญชีที่ MR.YONG สัญชาติจีน ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดหาบัญชีและจัดหาคนถอนเงินได้แจ้งไว้ เมื่อเงินโอนเข้ามายังบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาแล้วนั้นจะทำการถอนเงินและนำเงินไปมอบให้กับ MR.YUE เพื่อทำการรวบรวมเงินและโอนเงินไปยัง MR.PEI เพื่อแลกเปลี่ยนเงินจากเงินสกุลไทยเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐดิจิตอล (USDT) แล้วทำการโอนกลับไปหาบัญชีเงินดอลลาร์ดิจิตอลที่ MR.YUE แจ้งหรือโอนตรงไปยังคนร้ายชาวไต้หวันที่ทำการแจ้งไว้ในกลุ่ม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า MR.YONG และ MR.YUE อยู่บริเวณซอยเจริญกรุง 91 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ต่อมาในวันที่ 12 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการจับกุม MR.YONG ในข้อหา“เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง” และ MR.YUE จากการที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมและทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นพบสมุดบัญชี โทรศัพท์พร้อมซิม คอมพิวเตอร์ บัตรกดเงิน รวม 88 รายการ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบทราบว่า MR.PEI ได้พักอยู่บริเวณ ซอยเคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการไปตรวจสอบและพบ MR.PEI เดินอยู่บริเวณริมถนน จึงได้ทำการจับกุมในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิผู้ต้องหาทราบและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าเงินที่ได้มานั้นจะมีการแบ่งผลประโยชน์กันในลักษณะของการหักเปอร์เซ็นต์ที่ได้ แบ่งไปตามแต่ละขั้นตอนเช่น ขั้นตอนการกดเงิน ขั้นตอนการโอนเงิน และขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเงิน
พล.ต.ต.พันธนะฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน