ราคาน้ำมันร่วงลงแรงในวันอังคาร (13 ก.ย.) คาดอุปทานจะยังคงล้นตลาดไปจนถึงปี 2017 ปัจจัยนี้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและส่งผลให้วอลล์สตรีทปิดลบหนักเช่นกัน ขณะที่ทองคำปรับลดตามแรงกดดันของดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ซึ่งให้คำปรึกษาแก่ชาติต่างๆ ที่นำเข้าน้ำมันระบุว่า อุปสงค์น้ำมันเติบโตแบบชะลอตัวในขณะที่อุปทานกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าภาวะอุปทานล้นตลาดจะยืดเยื้อไปอย่างน้อยๆ ก็ช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า
ความเห็นดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปจากถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ที่ทางไออีเอ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก เคยประมาณการว่าภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดจะเหือดหายไปในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2016
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (13 ก.ย.) ร่วงลงหนักจากแรงฉุดกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิ่ง และภาคการเงิน เนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้เริ่มลดน้อยลง
ดาวโจนส์ลดลง 258.32 จุด (1.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,066.75 จุด เอสแอนด์พีลดลง 32.02 จุด (1.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,127.02 จุด แนสแดคลดลง 56.63 จุด (1.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,155.26 จุด
ดัชนีพลังงานที่ร่วงลง 2.86 เปอร์เซ็นต์เป็นตัวฉุดสำคัญของวอลล์สตรีท หลังราคาน้ำมันร่วงลงเกือบ 3 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกซ้ำเติมจากท่าทีอะลุ่มอล่วยของเจ้าหน้าที่ 3 คนของธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) ในวันจันทร์ (12 ก.ค.) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสวนทางกับความเห็นเชิงแข็งกร้าวจากเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (13 ก.ย.) ขยับลงในกรอบแคบๆ ถูกกดดันจากดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลให้ปิดลบเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ลดลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,323.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์