วันพุธที่ 7 ต.ค.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ดุสิตานนทร์ ทำดี ผกก.ตม.จ.อุบลราชธานี ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาตามนโยบายของ ตร. ในการสกัดกั้นการกระทำผิดที่เข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่ง บก.ตม.4 ได้สนองนโยบายในการปราบปรามขบวนการลักลอบขนไม้พะยูงข้ามประเทศ ทิ้งกระบะหนี ขณะขนพะยูงเลียบโขงเตรียมขายข้ามชาติ ตามยึดกว่า 200 ท่อน และรวบยกแก๊ง ขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน จ.อุบลราชธานี.
คดีที่ 1.”จับแก๊งลักลอบขนไม้พะยูงข้ามประเทศ ทิ้งกระบะหนี ขณะขนพะยูงเลียบโขงเตรียมขายข้ามชาติ ตามยึดกว่า 200 ท่อน” สืบเนื่องมาจากการสนธิกำลังและบูรณาการประสานความร่วมมือระหว่าง ตม.จ.อุบลราชธานี หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เขตอุบลราชธานี,กองกำลังสุรนารี และสถานีตำรวจน้ำ 4 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้ร่วมกันออกลาดตระเวนสืบสวนหาข่าวการลักลอบขนแรงงานเถื่อนและกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศรวมถึงการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอาศัยโอกาสในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID–19 บริเวณเขตแนวรอยต่อริมแม่น้ำโขงชายแดนประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยได้สืบทราบมาว่า จะมีการลักลอบนำไม้พะยูงส่งออกนอกราชอาณาจักร บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านโนนบก ต.พะลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี จึงได้บูรณาการจัดกำลังไปดักซุ่มพื้นที่เป้าหมายจน
จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.10 น. เจ้าหน้าที่ได้สังเกตพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียนขอนแก่น และรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีเทา ทะเบียนอำนาจเจริญ ตามที่สายข่าวรายงาน แล่นผ่านมายังพื้นที่เป้าหมาย จึงทำการสกัดกั้นและแสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจสอบ แต่รถยนต์ต้องสงสัยทั้ง 2 คันได้เร่งความเร็วหลบหนี การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการจึงได้ออกไล่ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยทั้ง 2 คันดังกล่าวไปตามเส้นทางที่ขับหลบหนี ต่อเนื่องไปจนกระทั้งเวลาประมาณ 21.45 น. รถยนต์กระบะต้องสงสัยทั้ง 2 คันซึ่งขับหลบหนีด้วยความเร็วได้เสียหลักตกลงข้างทาง โดยคนขับรถยนต์ทั้ง 2 คันได้อาศัยจังหวะชุลมุนและความมืดวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปได้ ชุดปฏิบัติการจึงได้เข้าทำการตรวจสอบรถยนต์กระบะดังกล่าวทั้ง 2 คัน พบไม้พะยูงถูกตัดเป็นท่อนๆ ขนาดต่างๆ 197 ท่อน และไม้ประดู่ถูกตัดเป็นท่อนๆ อีก 4 ท่อน รวมทั้งหมด 201 ท่อน มูลค่ากว่า 4 แสนบาท และ เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) 4 เม็ดพร้อมอุปกรณ์การเสพ
ซึ่งคาดว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ร่วมกันขนไม้พะยูงและไม้ประดู่ไปยังจุดที่นัดหมายเพื่อหลบเจ้าหน้าที่และพักไม้รอโอกาสขนข้ามริมฝั่งแม่น้ำโขงส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านโดยได้อาศัยพื้นที่บริเวณพรมแดนที่ไม่เป็นจุดสนใจและในช่วงเวลาที่คาดว่าจะไม่ถูกตรวจพบ จากเจ้าหน้าที่ ขณะที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID–19 อยู่ทั้ง 2 ประเทศ แต่ระหว่างที่เดินทางได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบและสกัดจับเสียก่อน
จึงทำการตรวจยึดไม้พะยูงและไม้ประดู่ทั้ง 201 ท่อน, เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) 4 เม็ดพร้อมอุปกรณ์การเสพ และรถยนต์กระบะทั้ง 2 คัน นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.นาตาล ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนซึ่งวิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการได้ลงพื้นที่ออกสืบสวนหาตัวและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการ ขออำนาจศาลออกหมายจับมาดำเนินคดีและเตรียมขยายผลถึงตัวการหรือนายทุนตลอดจนผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
คดีที่ 2.“ตามรวบยกแก๊ง ขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน จ.อุบลราชธานี”
สืบเนื่องมาจากการสนธิกำลังและบูรณาการประสานความร่วมมือระหว่าง ตม.จ.อุบลราชธานี กับหน่วยงานในพื้นที่ ทำการจับกุมแรงงานชาวลาวที่หลบหนีเข้าเมืองขณะกำลังลักลอบเดินทางเข้าไปทำงานยังกรุงเทพมหานคร บริเวณจุดตรวจความมั่นคงบ้านโบกม่วง ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ซึ่งสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวหลบหนีเข้าเมืองได้ทั้งหมด 26 คน พร้อมยึดของกลาง รถยนต์โดยสารประจำทาง บริษัท นครชัยแอร์ เขมราฐ–กรุงเทพมหานคร อีก 1 คัน ซึ่งในขณะนั้นผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารประจำทางได้ทิ้งรถและวิ่งหลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ลงพื้นที่สืบสวนขยายผลหาเบาะแสผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการดังกล่าว จนกระทั่งสืบทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรวมทั้งผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารประจำทางที่วิ่งหลบหนีการจับกุมในวันเกิดเหตุ ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่และทำเป็นขบวนการ โดยพฤติการณ์กล่าวคือ หลังจากที่แรงงานสัญชาติลาวนั่งเรือข้ามพรมแดนมายังฝั่งประเทศไทยบริเวณริมน้ำโขง บ้านนาทราย ต.พะลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการจะเป็นผู้ติดต่อให้คนนำรถยนต์มารับแรงงานที่ฝั่งไทยพาไปยังบ้านหรือสถานที่ที่เตรียมไว้ เพื่อพักรอเตรียมความพร้อมในการพาเดินทางต่อ โดยมีการคิดค่าดำเนินการคนละ 2,500 บาท หลังจากนั้นจะพากลุ่มแรงงานเดินทางไปส่งที่ บริษัทนครชัยแอร์ เพื่อขึ้นรถยนต์โดยสารประจำทางของบริษัทนครชัยแอร์ สาขาปากแซง พาเดินทางต่อเข้าไปยังกรุงเทพมหานคร โดยจะใช้เส้นทางเดินของรถประจำทาง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับและสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นชาวไทยได้ ได้แก่ นายสำราญ อายุ 47 ปี,น.ส.เพชรมณี อายุ 44 ปี และ น.ส.รัตติกา อายุ 33 ปี รวมถึงสามารถจับกุม นายประสิทธิ์ อายุ 39 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารประจำทางคันที่ซุกซ่อนแรงงานพาหลบหนีเข้ากรุงเทพมหานคร รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน ในข้อหา “ร่วมกันหรือนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรและรู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอเรียนให้ท่านทราบว่า เรามีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขันและจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน