วันที่ 23 ก.ย.63 เวลา 13.00 น. : พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ เลขานุการกรมฯ ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการชุดปฏิบัติการพิเศษ (สคบ.),นายเลิศศักดิ์ รักธรรม นิติกรชำนาญการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ (สคบ.) ลงพื้นที่บริเวณคลองถมเซ็นเตอร์เข้าจับกุมสินค้าผิดกฎหมาย ได้แก่บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 20 ร้าน รวมจำนวน 3,567 รายการ มูลค่ากว่า 802,800 บาท พร้อมเชิญตัวผู้ลักลอบจำหน่ายที่จับกุมได้ทั้ง 3 คนมาให้ปากคำ
ทั้งนี้การลักลอบจำหน่ายดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลว่า องค์การอนามัยโลกโดย ดร.วีรา ลิวซ่า ดา คอสตา เลขาธิการอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ได้ออกมาเตือนว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทบุหรี่นำมาแต่งตัวใหม่ โดยพุ่งเป้าหมายไปที่เยาวชน โดยพยายามโฆษณาว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยลดอันตรายจากบุหรี่ แต่จริงๆแล้วกลับทำอันตรายต่อเด็กและเยาวชน ด้วยการนำพาพวกเขาไปสู่สารเสพติดที่มีฤทธิ์เสพติดสูงที่สุด คือ นิโคติน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีหลายประเทศตระหนักถึงอันตรายของเรื่องนี้และได้ดำเนินการออกมาตรการห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เช่น ฮ่องกง อินเดีย และเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
สำหรับส่วนผสมที่พบมากในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice ซึ่งบรรจุอยู่ในตลับเก็บน้ำยาเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการทำความร้อนก่อนกลายเป็นไอที่ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูบเข้าไปในปอดนั้น พบว่า มีส่วนผสมทั้ง นิโคติน (Nicotine) โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) กลีเซอรีน (Glycerine) สารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring) เช่น ไดอะซิติล (Diacetyl) ที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาระบบทางเดินหายใจและปอด นอกจากนี้ ยังพบ สารประกอบอีกมากมายในไอของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีข้อมูลว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน