วันที่ 16 ก.ย.63 เวลา 13.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ผู้เสียหายประมาณ 30 ราย เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว ผกก.2 บก.ปคบ. และ พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม รอง ผกก.2 (สอบสวน) บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัทขายตรงแบรนด์ “การะเกด” และ นายยุทธพิชัย ชาญเลขา หรือ “โดโด้” ดารานักแสดง กับพวกฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
นายแบงค์ฯ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่สูญเงินลงทุนไปกว่า 1 ล้านบาท กล่าวว่า บริษัทแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ ได้เปิดทำธุรกิจขายตรง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 โดยจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์ เครื่องครัว และสินค้าอื่นๆ และมีการจัดโปรโมชั่นแนะนำบุคคลอื่นมาร่วมเป็นสมาชิก เสียค่าสมัครคนละประมาณ 19,000 บาท ซึ่งการันตีรายได้ให้ในช่วง 8 สัปดาห์แรก โดยสัปดาห์แรกจะจ่าย 500 บาท สัปดาห์ที่สอง 1,000 บาท สัปดาห์ที่สาม 2,000 บาท เป็นต้น จากนั้นจะได้รับเงินตามผลประกอบการของรายได้ นอกจากนี้ ได้จัดโปรโมชั่นและเพิ่มรายการสินค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
นายแบงค์ฯ กล่าวอีกว่า ต่อมา ช่วงเดือน เม.ย.63 บริษัทได้หยุดการจ่ายเงินปันผลอ้างช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพราะไม่สามารถทำยอดขายได้ ซึ่งสมาชิกบางรายสอบถามไปยังในกลุ่มไลน์ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงและถูกลบออกจากไลน์กลุ่ม จนกระทั่งวันที่ 8 ก.ย.63 บริษัทได้ประกาศเลื่อนจ่ายเงินไปถึง ธ.ค.63 ทำให้สมาชิกได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก นอกจากนี้ ประธานบริษัทและดารานักแสดงดังกล่าว ได้โพสต์คลิปการใช้สินค้าเพื่อสร้างความมั่นใจและน่าเชื่อถือให้กับบริษัท รวมทั้งจัดการประชุมและให้กำลังใจสมาชิกในช่วงโควิด-19 แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้น ดาราคนดังกล่าวกลับอ้างว่าไม่มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องบริษัทแต่อย่างใด ซึ่งขัดแย้งกับภาพที่ปรากฎบนเวทีชักชวนร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปคบ.ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบ พร้อมแยกสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ในเวลาต่อมาประมาณ 14.25 น. ที่ร้านกาแฟดิโอโร่ ชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ “โดโด้” ยุทธพิชัย ชาญเลขา ดาราพระเอกนักแสดงชื่อดัง เดินทางมาขอพบสื่อมวลชนที่มารายงานข่าวผู้เสียหายแห่แจ้งความ “การะเกด” โดยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีตำแหน่งในบริษัทดังกล่าว เป็นเพียงแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่ทางบริษัทจ้างมาเท่านั้น ส่วนประเด็นที่ขึ้นพูดบนเวทีกับอัดคลิปโปรโมทสินค้า เป็นสคริปท์ที่ได้รับจากทางบริษัทเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังเกิดเหตุก็มีผู้เสียหายบางคนพยายามติดต่อไปที่ตนเองแต่ก็ยืนยันไปแล้วว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากหลังจากนี้ตำรวจเรียกมาสอบปากคำก็ยินดีให้ความร่วมมือ ที่ตนรีบร้อนมาวันนี้เพราะไม่ต้องการตกเป็นจำเลยของสังคม ไม่ได้ขึ้นไปพบตำรวจหรือผู้เสียหายเพราะยังไม่รู้รายละเอียดใด และไม่อยากเผชิญหน้าผู้เสียหายในเวลานี้เกรงจะเกิดเรื่องกันเปล่าๆ
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน