วันที่ 9 ก.ย.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา ตามนโยบายของ ตร.ให้สกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ซึ่ง บก.ตม.4 ได้สนองนโยบายจับกุมคนไทยลักลอบขนแรงงานเถื่อนโดยผิดกฎหมายพร้อมแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนพยายามลักลอบเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ
ตม.จ.นครราชสีมา ได้สืบทราบมาว่าในช่วงที่ผ่านมา มีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่กรุงเทพมหานคร โดยทำเป็นกระบวนการและจะใช้ยานพาหนะเป็นรถโดยสารวิ่งผ่านถนนในเส้นทางซึ่งผ่านจังหวัดนครราชสีมา ก่อนเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนที่หลบหนีเข้ามาลักลอบหางานทำในประเทศไทย ในพื้นที่จ.อุดรธานี เพื่อจะเดินทางไปหางานทำใหม่ ในกรุงเทพมหานคร โดยใช้เส้นทาง ถ.มิตรภาพ ซึ่งจะผ่านพื้นที่จ.นครราชสีมา ช่วงบริเวณ ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว ในเวลาประมาณ 06.00 น.จึงได้ สนธิกำลังกับหน่วยงานในพื้นที่วางแผนจับกุม และตั้งจุดสกัดกั้น
จากนั้นในเวลาประมาณ 06.20 น. ชุดจับกุม พบรถยนต์ตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้ารุ่นคอมมิวเตอร์ สีเทา (ป้ายเหลือง) ทะเบียนหนองคาย แล่นมาตามถนนมิตรภาพ มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร มาถึงบริเวณจุดตรวจสกัดกั้น ซึ่งมีลักษณะตรงตามที่สายข่าวได้ให้ข้อมูลไว้ จึงได้ทำการหยุดรถสกัดกั้นและแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น พบว่าภายในรถตู้คันดังกล่าวมีผู้โดยสารนั่งมาเต็มคันตรวจสอบเอกสารประจำตัวพบว่าผู้โดยสารเป็นชาวเวียดนามทั้งหมดรวม 10 คน ตรวจสอบหนังสือเดินทางไม่พบตราประทับและข้อมูลการเข้ามาในราชอาณาจักรที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใดและ ไม่มีหลักฐานอื่น ๆ ในการเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จากนั้นได้ตรวจสอบคนขับรถยนต์ตู้คันดังกล่าวทราบชื่อว่านายโกมล อายุ 55 ปี สัญชาติไทย
จากสอบถามเบื้องต้นนายโกมลฯ ให้การว่า ตนเป็นชาว จ.หนองคาย ได้รับว่าจ้างจากชายคนหนึ่งให้ขับรถตู้คันดังกล่าวไปรับแรงงานซึ่งเป็นผู้โดยสารชาวเวียดนามทั้ง 10 คนในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อไปส่งปลายทางที่ กรุงเทพมหานคร โดยตนได้ค่าจ้างในครั้งนี้เป็นเงิน 8,000 บาท โดยได้ออกเดินทางจาก จ.อุดรธานี ตั้งแต่ช่วงเช้า และขับเรื่อยมาตามเส้นทาง ถ.มิตรภาพ มุ่งหน้าเข้าสู่ กรุงเทพฯ โดยไม่คิดว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเนื่องจากเป็นเวลาในช่วงเช้า จนกระทั่งมาถูกตรวจพบและจับกุม ดังกล่าว สอบถามคนต่างด้าวชาวเวียดนามทั้งหมดก็ให้การสอดคล้องต้องกันว่าพวกตนได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางช่องทางธรรมชาติและพักอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อหางานแต่ก็ยังไม่มีงานให้ทำจึงต้องการจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำโดยมีนายโกมลฯ คนขับรถ มารับพวกตนเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จนกระทั่งมาพบ จนท.เรียกหยุดรถตรวจสอบ
จนท.ชุดจับกุม จึงได้ทำการจับกุม แรงงานชาวเวียดนามทั้ง 10 คนใน ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และจับกุมนายโกมลฯ คนขับรถ ในข้อหา “ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดใดเพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายผลจากการจับกุม” พร้อมยึดรถยนต์ตู้โดยสาร ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีเทา (ป้ายเหลือง) ทะเบียนหนองคาย 1 คัน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สีคิ้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ อยู่ระหว่างทำการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมตัว ผู้ว่าจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอเรียนให้ท่านทราบว่า เรามีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขันและจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน