2 ก.ย. 59 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็ปไซด์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 52/2559 ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 7 ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2558 และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ อื่น ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2558 นั้น โดยที่หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เนื่องจากถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มี การกระทําความผิดเกิดขึ้น ในพื้นที่ของตนหรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือดําเนินการหรือไม่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ จนเกิดความเสียหายแก่ ทางราชการและมีมูลอันสมควรตรวจสอบ จึงจําเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกําหนดมาตรการบางอย่างเพิ่มเติม
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ผู้ที่มีรายชื่อกลุ่มที่ 1 ข้าราชการพลเรือน (จํานวน 13 ราย) 1.นายสุชิน ธรรมพิทักษ์ ผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภู มิภาคสาขาสมุทรสาคร 2.นายสุริยะ โกพัฒน์ตา ผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภู มิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ 3.น.ต. ชัยศิริ ขุนดำ ผู้อํานวยการสํานักงานเจ้าท่าภู มิภาคสาขาชุมพร 4.นายมนูญ ตันติกุล ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 5.นายสายันต์ เอี่ยมรอด ประมงจังหวัดชุมพร 6.นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธุ์ นายอําเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 7.นายปราโมทย์ วนิชาชีวะ ประมงอําเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 8.นายสุชาติ ยังทรัพย์ ประมงอําเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 9.นายพชร ศรีมหาเอก เจ้าพนักงานปกครองชํานาญการ 10.นายสุปรีชา สุขเงิน หัวหน้าหน่วยบริหารจั ดการประมงทะเลเกาะช้าง จังหวัดตราด 11.นายสุริยะ แพงดี เจ้าพนักงานประมงชํานาญการ ด่านตรวจสัตว์น้ำ จังหวัดตราด 12.นายประสงค์ เอี่ยมวิจารณ์ นักวิชาการขนส่งทางน้ำชํานาญการ สํานักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด 13.นายประเวศ อวิรุทธพาณิชย์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้ านการประมง จังหวัดพังงา ระงับการปฏิบัติราชการ หรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจําหน่วยงานนั้น ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ข้อ 2 ให้ผู้มีรายชื่อกลุ่มที่ 2 ข้าราชการตำรวจ (จํานวน 6 ราย) 1.พล.ต.ต. กษณะ แจ่มสว่าง 2.พล.ต.ต. นรินทร์ บุษยวิทย์ 3.พ.ต.อ. ธวัช สิทธิกิจโยธิน 4.พ.ต.อ. สมชาย จันทร์คง 5.พ.ต.อ. ภคพล ทวิชศรี 6.พ.ต.ท. จเร รุ่งสาย ระงับการปฏิบัติราชการโดยไม่ ขาดจากตําแหน่งเดิม และให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัดเดิม เป็นการชั่วคราว โดยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ จะมีคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการ ในกองบัญชาการตํารวจแห่งใดแห่งหนึ่งตามที่เห็นสมควรเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบก็ได้
ข้อ 3 ให้ผู้มีรายชื่อกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารและผู้มีตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (จํานวน 1 ราย) 1.นายสุริยันต์ ยิ่งบุรุษ ประธานสภาเทศบาลตําบลปากนคร อําเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่ นที่ดํารงตําแหน่งอยู่ เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่ าตอบแทน
ข้อ 4 ให้ผู้มีรายชื่อกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น (จํานวน 1 ราย) 1.นายณบวรพจน์ (พงศกร) ธวัชชัยวิรุตษ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลภูน้ำ หยด อําเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้ นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่น ในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรื อผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็น ผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่ง และสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดิ นทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่า ด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.2555 อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้
ข้อ 5 ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุ แห่งการตรวจสอบการปฏิบัติ ราชการของผู้นั้นให้หน่วยงานทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ศอตช. เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นหรือเพื่อดําเนินการทางวินัยต่อไป ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแล้วแต่กรณีเพื่อขยายเวลาได้ตามความจําเป็น
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ ถูกตรวจสอบมีความผิดตามที่ได้รับแจ้ง หรือมีความผิด ประการอื่นที่เชื่อมโยงไปถึง ให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการทางวินัยและกฎหมายต่อไป ในกรณีที่ไม่พบว่า มีการกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้ นต้องดําเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถู กตรวจสอบโดยให้ไปดํารงตําแหน่ง ในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่ อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้ งโยกย้ายในคราวต่อไป เมื่อดําเนินการใด ๆ ตามวรรคนี้แล้ว ให้แจ้ง ศอตช. ทราบ
ข้อ 6 ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ 5 หากไม่พบว่ามีการกระทําความผิดหรือไม่ถึง ขั้นต้องดําเนินการทางวินัยให้ ผู้บังคับบัญชาสรุ ปผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วแจ้งให้ ศอตช. ทราบ ในการนี้ ให้ประธาน ศอตช. แต่งตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นหรือมิ ได้เป็นข้าราชการ ไม่มีข้อขัดแย้ง หรือส่วนได้เสียกับบุคคลหรือเรื่ องที่มีการกล่าวหา และไม่เคยเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อนมีจํานวน 3 ถึง 5 คน เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกตรวจสอบกับรายงาน หรือพยานหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง และให้มีอํานาจเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคําได้โดยคณะบุคคลดังกล่าว อาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ ถูกตรวจสอบแต่ละรายหรื อหลายรายพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาถู กต้องแล้ว หรือไม่มีเหตุอันควร เปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชา และมีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลง ให้สรุปพยานหลักฐานที่มีอยู่ และหารือร่วมกับผู้บังคับบัญชาแล้วให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามผลการหารือ โดยถือว่าการดําเนินการตามคําสั่ งนี้ทุกขั้นตอนเป็นการดําเนินการทางวินัย โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับข้ าราชการนั้น ๆ แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถู กตรวจสอบจะอุทธรณ์ต่อไปตามกฎหมาย หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดอาญาให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข้อ 7 เมื่อได้ดําเนินการตามข้อ 6 แล้ว ในกรณีไม่ปรากฏว่าผู้ถู กตรวจสอบมีความบกพร่องใดๆ ในการปฏิบัติงานหรือไม่มีมู ลความผิดทางวินัยหรือความผิดอาญาหรือมีความผิดวินัยแต่มิ ใช่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงมีเหตุอันควรงดโทษหรือรับโทษสถานเบาขั้นภาคทัณฑ์ ให้เยียวยาโดยให้ผู้ถูกตรวจสอบ ไปดํารงตําแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิม ยกเว้นผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ให้กลับไปดํารงตําแหน่งหรือปฏิ บัติหน้าที่เดิมได้ ทั้งนี้ ศอตช. อาจมีคําแนะนํา การเยียวยาด้วยก็ได้ โดยคํานึงถึงข้อมูลความเหมาะสมเกี่ยวกับตําแหน่ งหน้าที่และพื้นที่ใหม่ การให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกตรวจสอบ และประโยชน์ ของทางราชการประกอบกัน
ข้อ 8 ในกรณีจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีหรื อคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่ง หากปรากฏว่าผู้ มีรายชื่อตามคําสั่งยังคงถูกดําเนินการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ ศอตช. รอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจนกว่า จะแล้วเสร็จหรือได้รับแจ้งให้ดําเนินการเยียวยาไปก่อนได้ จึงจะสามารถเสนอนายกรัฐมนตรีหรื อคณะรัฐมนตรี เปลี่ยนแปลงคําสั่งได้ เพื่อประโยชน์ในการดําเนิ นการในกรณีของผู้ดํารงตําแหน่ งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คําว่า ผู้บังคับบัญชา ให้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวั ดที่เกี่ยวข้อง และคําว่า รัฐมนตรี ให้หมายถึงรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย ในกรณีเยียวยาบุคคลดังกล่าว ซึ่งไม่อาจไปดํารงตําแหน่งอื่ นนอกพื้นที่ได้ นายกรัฐมนตรี อาจเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้โดยให้ ไปปฏิบัติงานในตําแหน่งเดิมได้
ข้อ 9 ในกรณีที่ชื่อและตําแหน่งของผู้ มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไม่ตรงตามทะเบียน ประวัติของทางราชการแต่เห็นได้ ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้ องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน
ข้อ 10 การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
ข้อ 11 ในกรณีมีปัญหา ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือส่วนราชการ เจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางดําเนินการให้ นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่สุด
ข้อ 12 นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้ วแต่กรณี อาจมีคําสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลง คําสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 13 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2559