วันที่ 3 ก.ย.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ รอง ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และกวดขันจับกุมการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ,พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระทำความผิดกรณีมีการกักตุนสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ขายเกินราคา ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ต่อมา พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม ผกก.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่า ในห้วงระหว่างเดือน ส.ค.63 กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 และงานสืบสวนในส่วนของ ตม.ทอ. ในสังกัด บก.ตม.2 มีผลการจับกุมคดีสำคัญๆ กล่าวคือ
1.BIOMETRICS สกัด 2 หนุ่มแดนปลาดิบ ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.63 กองกำกับสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานข้อมูลด้านการข่าวในการเฝ้าระวังคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ในฐานความผิด “ร่วมกันเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการครอบครอบอสังหาริมทรัพย์ของเข้าโดยปกติสุขโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะจะใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น” ต่อมาเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันเดียวกัน ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ได้ประสานว่า ระบบ BIOMETRICS หรือระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ตรวจพบคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ทำการรีบรุดเข้าควบคุมตัวและจับกุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยนำตัวส่ง พงส.สภ.หางดง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป
2.สรุปการจับกุมบุคคลตามหมายจับ ประจำเดือน สิงหาคม 2563 รวม 23 ราย โดยแยกเป็นคดีสำคัญๆ รวม 4 ราย ประกอบด้วยคดีร่วมกันทำร้ายผู้อื่น 1หมาย,ความผิดเกี่ยวกับเพศ (ข่มขืนกระทำชำเรา) 1 หมาย,ลักทรัพย์ 1 หมาย และพ.ร.บ.เช็คฯ 1 หมาย (คดีนี้ยังมีผู้เสียหายที่รอดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดหลายราย ทั้งนี้ รวมความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท)
3.ตม.2 รวบ 4 เมียนมา ลักลอบเข้าเมืองและทำงานโดยผิดกฎหมาย กล่าวคือ จากข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการกวดขันแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ประกอบด้วย กัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ สาธารณรัฐประชาชนลาว ซึ่งได้ลักลอบเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ผ่านการตรวจคัดกรองโรค จึงอาจจะเป็นปัจจัยให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคได้ โดยในวันที่ 24 ส.ค.63 กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้สืบสวนหาข่าวและนำไปสู่การจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 4 ราย ในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่งพงส.สภ.บางพลี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และการกระทำความผิดในกฎหมายอื่น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดกฎหมาย การก่อเหตุอันตรายใด ๆ อันกระทบต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ กรุณาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน