สหภาพพนักงานรถไฟใต้ดินในนครเซาเปาลู ประกาศระงับการประท้วงผละงานชั่วคราวเมื่อวันจันทร์
โดยจะมีการตัดสินใจอีกครั้งว่าจะประท้วงต่อหรือไม่ในวันพุธ หลังมีพนักงานโดนไล่ออกหลายสิบคน..
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหภาพพนักงานรถไฟใต้ดินในนครเซาเปาลู เมืองใหญ่ที่สุดของ
ประเทศบราซิล ประกาศระงับการประท้วงผละงานที่ดำเนินมา 5 วันเป็นการชั่วคราว เมื่อคืนวันจันร์
ที่ผ่านมา (9 มิ.ย.) ภายหลังบริษัทรถไฟใต้ดินของรัฐไล่พนักงานที่ออกมาประท้วงออกถึง 42 คน
โดยทางสหภาพฯ ระบุว่าจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายในวันพุธว่าจะประท้วงต่อไปหรือไม่ โดยคำตอบ
จะขึ้นอยู่กับบริษัทรถไฟใต้ดินว่าจะรับพนักงานกลุ่มนี้กลับเข้าบริษัทหรือไม่.
การประกาศระงับการประท้วงผละงานของสหภาพพนักงานรถไฟใต้ดิน เกิดขึ้นเพียงไม่นาน หลังจาก
ตำรวจบราซิลได้ใช้ระเบิดแสงและแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมของพนักงานรถไฟใต้ดิน 150 คน
ที่นครเซาเปาลู โดยรายงานระบุว่า ตำรวจต้องสลายการชุมนุม เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผา
กองขยะ ที่ถนนหลวงสายหลักสายหนึ่ง ทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ พนักงานบริษัทรถไฟใต้ดินของรัฐออกมาประท้วง เพราะไม่พอใจและเรียกร้องให้รัฐบาล
เพิ่มค่าแรง โดยการชุมนุมมีขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (5 มิ.ย.) กลุ่มผู้ประท้วงต้องการเรียกร้อง
ให้บริษัทรถไฟใต้ดินเพิ่มค่าแรงขึ้นอีกร้อยละ 12.2 จากเดิม ในขณะที่บริษัทเสนอการเพิ่มค่าแรง
ให้ร้อยละ 8.7
เมื่อวันอาทิตย์ (8 มิ.ย.) ศาลแรงงานได้ตัดสินว่าการชุมนุมของพนักงานบริษัทรถไฟใต้ดินนั้น
ผิดกฎหมาย และได้ลงโทษปรับสหภาพแรงงาน เป็นเงิน 175,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการ
ประท้วง 4 วันแรก (5-8 มิ.ย.) และจะเพิ่มค่าปรับขึ้นวันละ 220,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
หากการชุมนุมยังไม่ยุติ
การชุมนุมของพนักงานบริษัทรถไฟใต้ดินครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียง 3 วันก่อนพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก
และเป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลที่เลือกใช้งบประมาณไปกับการจัดแข่งขัน
ฟุตบอลโลกและโอลิมปิกฤดูร้อน แทนที่จะนำงบประมาณมาใช้พัฒนาบริการสาธารณะที่เป็นประโยชน์
โดยตรงกับประชาชน เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียน