สำนักข่าวเดลิซันเดย์ ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย ใจรัก วงศ์ใหญ่ ธเนศพล วงศ์ศิริสินสุบรรณวัชร เดินทางเข้าพบ รศ.ดร.กาสัก เต๊ขันหมาก อาจารย์อำนวย จั่นเงิน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี เพื่อ สอบถาม ความเป็นมาของวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ที่คนลพบุรี ปล่อยทิ้งความทรงจำและ ลืมไปว่ามีวัด แห่งนี้อยู่ในปัจจุบัน ปล่อยทิ้งร้างมาเกือบ 300 กว่าปี ไม่รอช้าลงพื้นที่พร้อมคณะ ตรวจสอบ สถานที่ วัดแห่งนี้ รศ.ดร.กาสัก เต๊ะขันหมาก ได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า วัดโบสถ์(ร้าง) อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี
วัดโบสถ์ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 12 ตำบลหัวสำโรง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ปัจจุบันเป็นโบราณสถาน มีเนื้อที่ประมาณ ๑๕ ไร่
วัดแห่งนี้ไม่ไม่ปรากฏบันทึกหลักฐานทางประวัติความเป็นมาของวัด มีเพียงตำนานที่บอกเล่ากันมาของคนในพื้นที่ว่าวัดแห่งนี้พระยาแสนเป็นผู้สร้าง ตามคำกลอนที่บอกต่อๆ กันมา ตามคำบอกเล่าของครูชัยวัฒน์ (ชั้ว) ประชากุล อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดมะค่าในตำบลหัวสำโรง ว่า “วัดโบสถ์ลีลา พระยาแสนสร้าง พระยาแสนตาย ขี่ม้าจุดไฟ ใครคิดได้ เอาที่หลักม้าพระยาแสน” และชาวบ้านยังจำความกันได้ว่าเมื่อประมาณ ๕๐ ปีที่ผ่านมา สภาพของโบสถ์ยังสมบูรณ์อยู่มากและชาวบ้านยังใช้บวชพระกันอยู่ สันนิษฐานว่านี่อาจเป็นที่มาของชื่อวัดโบสถ์ที่ชาวบ้านเรียกติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
สภาพเดิมของบริเวณวัดเป็นป่ารกมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มาก พบเนินดินขนาดเล็ด/ใหญ่กระจายอยู่มั่วบริเวณวัด แต่ละเนินมีร่องรอยการการลักลอบขุดหาโบราณวัตถุ ปรากฏเศษอิฐแตกหักอยู่ทั่วไป ด้านทิศเหนือของวัดมีสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อราว ปี ๒๕๔๐ สภาวัฒนธรรมตำบลหัวสำโรงโดยการนำอย่างแข็งขันของอาจารย์อำนวย จั่นเงิน ได้วัดเวทีพูดคุยโดยเชิญผู้นำคนสำคัญในตำบลและหมู่บ้านเจรจาขอที่วัดคืนและได้ล้อมรัวลวดหนามเป็นเขตแล้วขุดคูน้ำรอบวัด และในปี ๒๕๕๐ ด้วยการเห็นคุณค่าและความสำคัญที่วัดนี้เป็นวัดร้างที่มีขนดใหญ่ที่สุดในตำบลหัวสำโรง (ซึ่งมีวัดร้างมากกว่า ๒๐ วัด) จึงได้ประสานสำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี ได้ดำเนินการขุดค้นโบราณสถานแห่งนี้
แลการศึกษาทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดนี้น่าจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง ประมาณพุทธสตวรรษที่ ๒๑ และมีการใช้งานเรื่อยมาจนถึงอยุธยาตอนปลาย ประมาณพุทธสตวรรษที่ ๒๔ ปรากฏร่องรอยการเปลี่ยนแปลงผังของวัด ๓ ระยะ โดยระยะแรกประมาณพุทธสตวรรษที่ ๒๑ มีเจดีประธานทรงปรางค์เป็นหลักของวัด มีอุโบสถ และลานดินเผา ระยะที่สองประมาณพุทธสตวรรษที่ ๒๒ มีการก่อสร้างมณฑป วิหารหมายเลข ๑ เจดีย์ราย หมายเลข ๑-๓ เพิ่มเติม และได้กลบลานดินเผาไป ระยะที่สามประมาณพุทธสตวรรษที่ ๒๒-๒๓ เพิ่มเติมการก่อสร้างวิหารหมายเลข ๒ กำแพงแก้ว และกลุ่มเจดีย์รายหมายเลข ๓ วัดแห่งนี้เลิกใช้งานทิ้งร้างไปด้วยเหตุบางประการซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดช่วงประมาณพุทธสตวรรษที่ ๒๔ สำนักศิลปากรที่ ๔ ได้ดำเนินการบูรณะและปรับภูมิทัศน์ของโบราณสถานวัดโบสถ์ (ร้าง) นี้ ทั้งพื้นที่วัด แล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒
สนใจข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่อาจารย์อำนวย จั่นเงิน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี โทร. ๐๘๙ ๒๐๑ ๑๒๐๑ ใจรัก วงศ์ใหญ่ ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี