วันพุธ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 12.44 น.
ผลักดันมวลน้ำ สู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา สุโขทัย รองอธิบดีกรมชลฯ ยันควบคุมน้ำได้
รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำในพื้นที่ประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว อ.บางระกำ ที่รับต่อน้ำจากสุโขทัย ทางแม่น้ำยมสายเก่า พร้อมเผยว่ามวลน้ำก้อนนี้ ยังไม่ปล่อยลงสู่ทุุ่งบางระกำ เนื่องจากยังมีพายุฝนจะเข้ามาอีก แต่จะผลักดันลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เกษตรกรทำนาก่อน คาดว่าน้ำจากสุโขทัยจะถึงลุ่มเจ้าพระยาภายใน 5-6 วันนี้
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 26 ส.ค.63 ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำในพื้นที่ประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก หลังจากน้ำจากสุโขทัยที่หลากมาจนถึงพิษณุโลกผ่านแม่น้ำยมสายเก่า จนถึงขนาดนี้ส่งผลให้น้ำมีปริมาณมาก ทางกรมชลประทานจึงเฝ้าระวังและจับตาอย่างใกล้ชิดหวั่นว่าน้ำจะล้นตลิ่ง
รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ทางกรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำมาตั้งแต่ จ.แพร่ สุโขทัย อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมาถึงบางระกำ มวลน้ำก้อนนี้มาจากแม่น้ำยม สาเหตุมาจากช่วงนั้นมีฝนตกภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งแต่ 20-22 มีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.แพร่ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมากลายเป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ลงมาที่ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ตรงนี้มีจุดวัดน้ำที่ Y.14 ปกติจะเป็นตัวที่คอยบ่งชี้เป็นตัวบริหารจัดการน้ำของตัวแม่น้ำยมก่อนที่จะเข้าตัวสุโขทัย สำหรับ Y.14 ปีนี้มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2560-2562 เราได้ติดตามสถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำตรงนี้ถึง 1499 ลบ.ม./วินาที มากกว่าปี 60 เกือบ 400 ล้าน.ลบ.ม.
ทางกรมชลประทานได้บริหารจัดการต้องใช้ประตูหาดสะพานจันทร์เป็นด่านหน้า ในการแบ่งปันน้ำ ไว้คอยหน่วง คอยฉุด อย่าให้น้ำเข้าเมือง โดยการแบ่งน้ำเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายมือของแม่น้ำยมจะไปทางคลองหกบาท หรือประตูหกบาท ไปสัก 350 ล้าน.ลบ.ม.จากคลองหกบาทจะผันไปคลองยม-น่านก็มีการจัดการจราจรทางน้ำ โดยการลดการระบายน้ำที่เขื่อนสิริกิติ์ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ลดการระบายจนถึงปิด ตรงนี้น้ำจะไหลไปที่แม่น้ำน่านประมาณ 100 ล้าน.ลบ.ม./วินาที จาก 350 ล้าน.ลบ.ม. หายไป 100 ล้าน.ลบ.ม. จะมีเส้นตรงลงที่คลองยมน่าน(สายเก่า) หรือจุดประตูบางแก้ว 240-250 ล้าน.ลบ.ม./วินาที แล้วจะแยกไปคลองย่อยลงแม่น้ำน่านอีก ปัจจุบันเราวัดตรงนี้ประมาณ 109 ล้าน.ลบ.ม./วินาที ก็แสดงว่าลงอีกสาขาหนึ่งไปแม่น้ำน่าน ส่วนทางฝั่งขวาของทางแม่น้ำยมที่ประตูหาดสะพานจันทร์ก็จะไปที่ประตูน้ำโจนประมาณสัก 10-30 ล้าน.ลบ.ม./วินาที จะไปที่แก้มลิงทะเลหลวง ขณะที่มวลน้ำจากจังหวัดสุโขทัย เข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณ กว่า 500 ล้าน ลบ.ม. และแยกไปตามคูคลองน้ำต่างกว่า 150 ล้าน ลบ.ม.
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่าเราจะปล่อยให้ผ่านประตูหาดสะพานจันทร์ก่อนที่จะถึงเมืองไป 800 ล้าน.ลบ.ม./วินาที แล้วผันออกคลองซ้าย ขวา คลองเล็กคลองน้อย ออกไปประมาณ 170 ล้าน.ลบ.ม./วินาที จะบังคับไม่ให้เกิน 550 ล้าน.ลบ.ม./วินาที ที่ Y.4 หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่ 23 ส.ค. ที่ได้ลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการน้ำ ได้มีการจัดตั้งชุดมวลชนสัมพันธ์ ประกอบด้วยหน่วยปกครองท้องที่ ทหาร ตำรวจ ชลประทาน เพื่อลงพื้นที่สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนบริเวณ 2 ฝากฝั่งแม่น้ำยมทั้งสายใหม่และสายเก่า เพื่ออธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจและดูแลประตูระบายน้ำต่างๆ โดยได้รับความความร่วมมือจากประชาชนอย่างดีในทุกทีช่วยกันนำน้ำจากที่ Y.14 ลงมาถึงบางระกำ เราจะลำเลียงผ่านมาคลองยม-น่าน แม่น้ำยม คลองต่างๆ มาเจอกันที่ N.67 คือจุดวัดน้ำที่แม่น้ำยมมาบรรจบกับแม่น้ำน่านที่วัดเกยชัยเหนือ
“ตรงนี้น้ำเริ่มขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าตลิ่งมาก ตรงนี้จะลำเลียงมวลน้ำไม่เกิน 2-3 วัน มวลน้ำจะไปอยู่หน้าเขื่อนเจ้าพระยา เราจะอัดน้ำไว้ไม่ทิ้งลงทะเลเพื่อออกไป 2 ฟากฝั่ง ฝั่งซ้ายคือคลองชัยนาทป่าสัก ลงคลองรพีพัฒน์ แยกใต้ แยกตก ไปที่คลอง 13 จนถึงพระองค์ชลทิศออกไปฉะเชิงเทรา เพื่อให้น้ำแก่พี่น้องประชาชนได้ทำนา ในทุ่งเจ้าพระยาตอนนี้ยังไม่ได้ทำนา 3.54 ล้านไร่ เราจะเอาปริมาณน้ำ 400-500 ล้าน จะได้ไปช่วยในการทำนาปี ส่วนฝั่งขวามือจะแบ่งน้ำไปที่แม่น้ำน้อย ท่าจีน คลองมะขามเฒ่าอู่ทอง ลำเลียงไปตอนนี้น้ำเริ่มขึ้นแล้ว ติดตามที่เขื่อนเจ้าพระยา ตอนนี้ระดับน้ำ +14.4 ซึ่งสูงขึ้นกว่าเมื่อวานประมาณ 60-70 เซนติเมตร จึงเป็นการบริหารจัดการน้ำตอนนี้ คาดว่าน้ำจากจังหวัดสุโขทัย จะถึงลุ่มเจ้าพระยาภายใน 5-6 วันนี้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มวลน้ำก้อนนี้ไม่ได้เปิดลงสู่ทุ่งบางระกำ เพราะสาเหตุอะไร ทางรองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ตอนนี้จากการคาดหมายของกรมอุตุนิยมวิทยายังมีร่องความกดอากาศที่ค้างอยู่ ถ้าเราติดตามฤดูกาล ซึ่งฤดูฝนจะติดตามฤดูฝนคาดว่าจะหมดฤดูฝนช่วงกลางเดือนตุลาคม ตรงนี้เราเปิดทุ่งไว้รับน้ำเผื่อน้ำเหนือหลากลงมาอย่างไรก็ตามทุ่งบางระกำต้องมีน้ำแน่นอน สิ่งสำคัญเรายังมีเตรียมรับน้ำหลากไว้ที่บึงบอระเพ็ด ถ้าน้ำหลากมาประชาชนไม่ต้องตกใจ เพราะบึงบอระเพ็ดสามารถเก็บน้ำไว้ได้ 180 ล้าน.ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันมีน้ำเพียง 6-7 ล้าน.ลบ.ม. สามารถจะปัดน้ำเข้าได้อีกปริมาณน้ำหากถึง 800 คิว ก็จะปัดเขาบึงบอระเพ็ดกลายเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ บางระกำก็ต้องมีน้ำเข้าแต่ตอนนี้เราขอชะลอให้เข้าตามธรรมชาติก่อน ตามแผนตอนนี้คือเรายังไม่ได้ตัดสินใจเพราะยังมีพายุอีกหลายลูกที่จะเข้ามา ตามธรรมชาติของฝนเรายังไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่อย่างไง จึงไม่ไว้วางใจ ส่วนที่พิจิตร ก็ไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน ตอนนี้เราเฝ้าระวังเรื่องฝนตกอย่างเดียว หากมีฝนต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทางทุ่งเจ้าพระยาก็ไม่ต้องกังวลไม่กระทบแน่นอน และทางชลประทาน มั่นใจว่ากรมชลประทานสามารถบริหารจัดการน้ำได้แน่นอน แต่การบริหารจัดการต้องได้รับความร่วมมือกับประชาชน ทุกภาคส่วน
สำหรับพื้นที่ภัยแล้งต้องย้อนกลับไปปี 2562 ที่มีฝนตกต่ำกว่าค่าปกติถึงกว่า 10% ทำให้น้ำในเขื่อนเก็กกักในลุ่มเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย ป่าสัก มีปริมาณน้ำน้อย เราจึงมีวิธีการมาตรการในบริหารจัดการในการใช้น้ำช่วงฤดูฝนคือ 1.ต้องใช้น้ำฝนเป็นหลักในการทำนาปี จึงให้ประชาชนเกษตรกรชะลอการทำนา 2.คือการบริหารจัดการน้ำท่า คือน้ำที่อยู่ในลำน้ำใช้ฝาย ประตู อัดขึ้นซ้ายขวา ตลอดจนป้องกันเรื่องอุทกภัยด้วย สิ่งสำคัญคือเราต้องจัดการให้มีน้ำในการอุปโภค บริโภค กักเก็บน้ำให้มากที่สุดในเขื่อน ในตุ่ม เพื่อใช้ในฤดูแล้งปี 2563/2564
ขอบคุณ ข้อมูลข่าว แนวหน้า
ธนาดล ใจงามกุล รายงาน