สหรัฐฯ เตรียมสหรัฐฯ เตรียมสหรัฐฯ เตรียมขายฝูงบินรบของโบอิ้ง โค มูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์แก่กาตาร์และคูเวต หลังต้องเลื่อนมานานหลายปี และบางทีอาจเริ่มแจ้งต่อเหล่าสมาชิกสภาอเมริกาอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
เอฟ/เอ-18อี/เอฟ ซูเปอร์ฮอร์เน็ท (อังกฤษ: F/A-18E/F Super Hornet) เป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีชนิดที่ใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบิน เอฟ/เอ-18อีนั้นเป็นแบบที่นั่งเดียวและเอฟ/เอ-18เอฟนั้นเป็นแบบสองที่นั่งที่มีขนาดใหญ่และก้าวหน้ากว่าเอฟ/เอ-18ซี/ดี ฮอร์เน็ท ซูเปอร์ฮอร์เน็ทมีปืนขนาด 20 ม.ม.และสามารถใช้ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้นได้หลากหลาย ถังเชื้อเพลิงสำรองสามารถติดตั้งเข้าไปได้ถึงห้าถังและเครื่องบินยังสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศได้ด้วยการเติมระบบเติมเชื้อเพลิงเข้าไป
ด้วยการที่ถูกออกแบบและผลิตโดยแมคดอนเนลล์ ดักลาสซูเปอร์ฮอร์เน็ทได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2538 การผลิตเต็มอัตราเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2540 หลังจากที่แมคดอนเนลล์ ดักลาสรวมเข้ากับโบอิงหนึ่งเดือนก่อนหน้า ซูเปอร์ฮอร์เน็ทได้เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปีพ.ศ. 2542 เพื่อเข้าแทนที่เอฟ-14 ทอมแคทตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 และทำงานร่วมกับฮอร์เน็ทแบบดั้งเดิม ในปีพ.ศ. 2550
ซูเปอร์ฮอร์เน็ทมีขนาดใหญ่กว่าฮอร์เน็ทธรรมดา 20% น้ำหนักเปล่าที่มากกว่า 3,000 กิโลกรัม และน้ำหนักสูงสุดที่มากกว่า 6,800 กิโลกรัม ซูเปอร์ฮอร์เน็ทบรรทุกเชื้อเพลิงภายในได้มากกว่า 33%[14] เพื่อเพิ่มพิสัยการทำภารกิจอีก 41% และความคงทนมากกว่า 50% น้ำหนักเปล่าของซูเปอร์ฮอร์เน็ทคือประมาณ 5,000 กิโลกรัมซึ่งน้อยกว่าเอฟ-14 ทอมแคท ในขณะที่การบรรทุกอาวุธก็ไม่เท่าเทียมกับเอฟ-14 ทั้งๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า
กระบวนการซื้อขายที่ล่าช้าได้ก่อความผิดหวังแก่เหล่าเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และบรรดาผู้บริหารอุตสาหกรรมอาวุธที่เคยเตือนวอชิงตันว่าปัญหาล่าช้าใดๆ อาจก่อความเสียหายแก่ธุรกิจของพวกเขาหลายพันล้านดอลลาร์ หากผู้ซื้อหมดความอดทนและหันไปหาผู้จัดหารายอื่น
ความคาดหมายเกี่ยวกับการอนุมัติเครื่องบินรบครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ทำเนียบขาวกำลังหาทางส่งเสริมความสัมพันธ์กับพันธมิตรรัฐอาหรับอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งต้องการเสริมแสนยานุภาพทางทหาร ขณะที่ประเทศเหล่านี้กังวลว่าวอชิงตันกำลังใกล้ชิดกับคู่อริของพวกเขาอย่างอิหร่านมากขึ้น หลังจากเตหะรานบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับเหล่าชาติมหาอำนาจเมื่อช่วงต้นปี
เพนตากอนและกระทรวงการต่างประเทศกำลังพิจารณาขายเครื่องบินรบ F-15 ของโบอิ้ง 36 ลำแก่กาตาร์ มูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันก็กำลังพิจารณาขายเครื่องบิน เอฟ/เอ-18อี/เอฟ ซูเปอร์ฮอร์เน็ต 28 ลำ พร้อมออปชันเพิ่มเติม 12 ลำ แก่คูเวต ในข้อตกลงมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์
แหล่งข่าวเผยว่า เจ้าหน้าที่จากทั้ง 2 หน่วยงานเห็นชอบข้อตกลงเหล่านี้มาพักหนึ่งแล้ว แต่ยังต้องรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากทำเนียบขาวก่อน ซึ่งตอนนี้ใกล้เข้ามาแล้ว “การตัดสินใจของรัฐบาลใกล้มากแล้ว” แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุ
เมื่อครั้งที่ทำเนียบขาวให้ความเห็นชอบอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะเริ่มแจ้งต่อ ส.ส.อเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ ก่อนส่งเอกสารแจ้งต่อสภาคองเกรสอย่างเป็นทางการ 40 วันหลังจากนั้น ซึ่งพอถึงจุดนี้ก็จะมีการเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ
นอกจากนี้แล้ว ข้อตกลงที่ 3 เกี่ยวกับการขายเครื่องบิน F-16 ที่สร้างโดยล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป แก่บาห์เรน ยังอยู่ภายใต้การพิจารณา แต่การอนุมัติอยู่ไม่ไกลนัก
กาตาร์เป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศใหญ่ที่สุดของอเมริกาในตะวันออกกลาง ส่วนคูเวตเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารอย่างมหาศาล หลังเกิดการลุกฮือทั่วโลกอาหรับและท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างเหล่าประเทศอาหรับอ่าวเปอร์เซียกับอิหร่าน
ทั้งคูเวตและกาตาร์ยังเป็นหนึ่งในพันธมิตร 34 ชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ที่ตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งมีเป้าหมายตอบโต้พวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) และพวกอัลกออิดะห์ ในอิรัก ซีเรีย ลิเบีย อียิปต์ และอัฟกานิสถาน