(จ.สุรินทร์) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 63 ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม (ไทย-กัมพูชา) ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายศราวุธ เพชรพนมพร ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร รองประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม เพื่อติดตามและรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน หลังจากเกิดเหตุการณ์ระบาดโรคโควิด-19 ทั้งส่วนของหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เพื่อนำไปประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานต่อไป โดยมีนายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข พร้อมด้วยส่วนราชการและภาคประชาชน ผู้ประกอบการค้าจังหวัดสุรินทร์ ประกอบด้วย นายอำเภอกาบเชิง ด่านศุลกากร ตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ ปุศสัตว์ ด่านกักกันโรคจังหวัดสุรินทร์ ทหาร ตชด. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมให้ข้อมูล
โดยที่ประชุม เน้นในเรื่องการค้าขายชายแดน เรื่องปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะ การส่งออกและนำเข้า ซึ่งก็พบว่าจากเดิมที่ผ่านจนถึงปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากหลักพันล้าน ขยับขึ้นมาแตะ 8 พันล้านต่อปี และในอนาคตจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นหลายหมื่นล้าน เช่นเรื่องของการส่งออกด้านปศุสัตว์ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัญหาอุปสรรคที่ได้รับฟัง คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ จะนำไปดำเนินการต่อไป ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการเปิดด่านให้มีการค้าขายตามปกติที่ด่านถาวรช่องจอมแห่งนี้ ต้องใช้ระยะเวลารอให้สถานการณ์ไวรัสโควิดคลี่คลาย โดยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ จะรวบรวมประมวลปัญหาทั้งหมดไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ว่าพอจะมีการผ่อนปรนอะไรได้บ้าง เกี่ยวกับการค้าขายชายแดน ที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชนเป็นหลัก
นายศราวุธ เพชรพนมพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า “วันนี้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ มารับฟังปัญหาและอุปสรรค ในสถานการณ์หลังจากการเกิดระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ด่านชายแดนช่องจอม ซึ่งเราได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง จากหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง และเราจะนำกลับไปเพื่อดำเนินการ ประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้จากการดูสถิติตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากหลัก 1-2 พันล้าน เป็น 8 พันล้าน ผมเชื่อว่าในอนาคต ด่านช่องจอมจะเป็นอีกด่านหนึ่งที่ทำรายได้เป็นมูลค่าปีหนึ่งๆ หลายหมื่นล้านบาท เพราะช่วงนี้ก็ขึ้นมาแตะ 8-9 พันล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ซึ่งทาง ส.ส.ปกรณ์ มุ่งเจริญพร และอีกหลายท่าน มีความเป็นห่วงและก็จะพยายามผลักดันช่วยกัน ในเรื่องปัญหาและอุปสรรคที่เราได้รับทราบ อย่างเช่นในเรื่องของปศุสัตว์เราได้ฟังข้อมูลหลายๆ เรื่องที่เป็นประโยชน์และจะนำกลับไปดำเนินการต่อ และเป็นไปได้หรือไม่ที่ด่านชายแดนจะเปิดเป็นปกติ ซึ่งมันเป็นไปได้ แต่ต้องใช้เวลา ต้องรอให้สถานการณ์ทั้งโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว ต้องมองถึงในเรื่องมิติ ทางด้านการสาธารณสุขด้วย เราจะต้องป้องกันไม่ให้ประทศไทยเกิดการระบาดรอบที่ 2
ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร รองประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า “โครงการที่เรามามี 2 วัน วันนี้มาก็เพื่อที่จะรับฟังปัญหาและอุปสรรคของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานบริเวณนี้ พรุ่งนี้เรามีสัมมนาที่โรงแรมทองธารินทร์ ซึ่งจะได้รับฟังจากภาคส่วนของนักธุรกิจ ผู้ส่งออกต่างๆ เราจะได้ประมวลเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน ถึงอุปสรรคปัญหา หลังจากนั้นคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ โดยท่านประธาน ก็จะประมวลภาพรวมทั้งหมดไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าอุปสรรคปัญหาต่างๆควรจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างไร หลักสำคัญที่สุดคือว่าเราจะทำอย่างไรให้สุรินทร์ ให้ด่านช่องจอม มีความมั่นคงถาวร และเติบโต แล้วชาวสุรินทร์ได้ประโยชน์จากการเปิดด่าน การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านของเราคือกัมพูชา ให้มากที่สุด วันนี้เราได้รับฟัง อย่างเช่น เรื่องปศุสัตว์ โดยฝั่งประเทศเพื่อนบ้านของเรามีความต้องการในเรื่องของปศุสัตว์ไม่ว่าจะเป็น สุกร ไก่ แม้กระทั่งเรื่องแพะ หากได้มีการส่งเสริมเรื่องการเพาะพันธุ์ปศุสัตว์เหล่านี้ใน จ.สุรินทร์ ก็น่าจะเป็นที่ที่เหมาะสมทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของสุรินทร์เติบโต ตนมองว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสำคัญหลังจากโควิดพ้นไปแล้ว ซึ่งจะต้องทำอย่างไรให้หาตังค์เข้าประเทศของเราได้มากที่สุด วันนี้ก็ได้รับการร้องเรียนว่าตลาดชายแดน บ.ด่าน มีปัญหา ชาวบ้านอยากจะค้าขาย เรื่องเหล่านี้เราก็รู้ว่าเป็นปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ซึ่งได้ฟังก็ไม่นิ่งนอนใจจะต้องเข้าไปถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไร จะมีการผ่อนปรนอะไรได้บ้างหรือไม่อย่างไร ปัญหาที่เรามารับฟังไม่ใช่แค่มารับฟังและก็ผ่านไป ซึ่งเราก็ตั้งใจมา ปกติกรรมาธิการการต่างประเทศเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ไกลๆ แต่ด้วยสถานการณ์จึงลงพื้นที่มาดูที่นี่กัน และก็จะไปดูที่เชียงใหม่ เชียงราย ก็มีชายแดนที่ติดกับประเทศพม่า นี่คือภาพรวม แต่วันนี้ เราเห็นอะไรเยอะ พรุ่งนี้เราคงได้รับฟังปัญหาอุปสรรคอะไรอีกเยอะเหมือนกัน ซึ่งเบื้องต้นเราก็คุยกันกับท่านประธาน ว่าเรากลับไปอาจจะไปเชิญ ศบค.เข้ามาชี้แจงเรื่องอุปสรรคปัญหาเหล่านี้ เรื่องสำคัญคือเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน ที่เคยค้าขายได้ วันนี้ไม่รู้จะขายให้ใคร นี่เป็นอุปสรรค ผมเข้าใจว่ารัฐบาลเองคิดเหมือนกัน เหตุผลที่ในที่สุดจะต้องเปิดด่านเปิดประเทศ เหตุผลอย่างเดียว ก็คือการที่จะทำให้เศรษฐกิจมันดีขึ้น พวกตนเข้าใจ เราเป็นผู้แทนราษฎรของประชาชน เราก็เห็นความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน เราก็ทุกข์ด้วย เราก็ร้อนด้วย จึงต้องหาทางแก้ไข
ในส่วนของการผลักดันให้พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษอย่างไรหรือไม่นั้นเท่าที่รับฟังมาก็คือการทำให้สถานที่ราชการตรงนี้ มีการสร้างที่มั่นคงถาวร มีสภาพให้ดีขึ้น เพราะเป็นที่ป่าสงวน ขอยกเลิกที่ป่าสงวน ซึ่งจะสามารถสร้างอาคารอะไรต่างๆให้ดีขึ้น ตนว่าที่นี่รัฐบาลก็เข้าใจตรงกัน ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกองทัพเอง ก็เห็นเหมือนกันว่า ด่านนี้จะต้องเป็นด่านที่จะต้องยกสถานะให้พร้อมมากขึ้น
ขณะที่ นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาเหล่านี้ ตนเชื่อว่าจะถูกหยิบยกไปพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ หรือมีหนังสือและเอกสารส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ด่านช่องจอมแห่งนี้ แต่เกิดขึ้นทั้งประเทศ อย่างไรก็แล้วแต่ ปัญหาจากโรคโควิด-19 มันเกิดทั้งโลกเราต้องเข้าใจ แต่ถ้าเราไม่สามารถยับยั้งได้ แล้วเกิดโรคอุบัติขึ้นมาระลอกที่ 2 ได้ไม่เท่าเสีย เราจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ณัฐพัชร์ บุญมี ศูนย์ข่าว 5 เหล่าทัพ อีสานใต้ (จ.สุรินทร์) / รายงาน