เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 30 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วาปีปทุม สามารถจับกุมตัว นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปี โดยจับได้ที่กระท่อมกลางทุ่งนา ท้ายหมู่บ้านจอกขวาง ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม โดยสามารถจับกุมตัวได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลาประมาณ 09.00 น. ก่อนนำตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.กันทรวิชัย
ระหว่างชุดสืบสวน สภ.วาปีปทุม เข้าจับกุมนายวัชรินทร์ได้ต่อสู้ โดยชกเข้าที่ใบหน้าของ ด.ต.คมกริช มลาศรี ทำให้ตาซ้ายบวมปูด และด.ต.สาธิต ประพาศพงษ์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือซ้ายเคล็ด ซึ่งทั้งสองนายได้ไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาลวาปีปทุม แพทย์ได้รักษาอาการและให้ยามารับประทานเรียบร้อยแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.วิศักดิ์ อินทรกรอุดม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวาปีปทุม กล่าวว่า การจากสอบสวนในเบื้องต้น ผู้ต้องหาคือนายวัชรินทร์ ประทุมพร หรือ ทุ่ง อายุ 26 ปี รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสารจริง เบื้องต้นในวันเกิดเหตุรับว่าเสพยาบ้ามาก่อน เมื่อเห็นนางบุญเพ็งโบกรถ จึงได้จอด ก่อนทำทีเป็นรถเสียช่วงใกล้ถึงตัวอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เมื่อซ่อมรถเสร็จจึงได้ขับรถต่อไป และได้จอดรถลงไปปัสสาวะบริเวณใกล้แยกบ้านยางบ่ออี ต.เมืองบัว อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ จากนั้นได้ขึ้นมาบนรถและได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ตาย จากนั้นได้วกรถกลับมาทางอำเภอวาปีปทุม ก่อนจะขับรถเข้าหมู่บ้านหนองผือ ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย ผ่านหมู่บ้านดงบาก-บ้านเหล่าน้อย เพื่อที่จะนำศพมาทิ้ง
สำหรับของกลางคือสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ผู้ต้องบอกว่าได้นำไปทิ้งบริเวณทุ่งนาใกล้ที่เกิดเหตุ เนื่องจากสร้อยขาด ส่วนสร้อยข้อมือน้ำหนัก 1 บาทปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป ซึ่งหลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เดินลัดเลาะตามทุ่งนาไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะกลับมาที่บ้านเกิด ที่หมู่บ้านดงเค็ง ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม อาศัยนอนตามกระท่อมกลางนา ซึ่งไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่วันนั้น จนถึงช่วงเช้าวันนี้ มีรถเข็นขายปิ้งไก่ผ่านมาจึงได้เรียกซื้อ จากนั้นก็ไปนอนในกระท่อมกลางนา บ้านจอกขวาง ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด
โดยระหว่างที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องหามีอาการลุกลี้ลุกลน พูดกลับไปกลับมา คล้ายคนเมายา ซึ่งผู้ต้องหาได้สารภาพกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่าก่อนเกิดเหตุได้เสพยาบ้ามาด้วย ต่อจากนี้ไปพนักงานสอบสวน สภ.พยัคฆภูมิพิสัย จะได้มารับตัว เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันเดียวกัน ที่จ.บุรีรัมย์ นายสุพิศ วัตรสุนทร อายุ 38 ปี เจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจวาปีปทุม ว่าสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ได้ ก็เตรียมเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งไปติดต่อเรื่องรถบัสคันที่นายวัชรินทร์ใช้ก่อเหตุ ว่าจะสามารถนำรถออกมาได้ตอนไหนเพราะมีรถเพียงคันเดียวที่นำมาวิ่งร่วม ซึ่งหลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็ต้องขาดรายได้จากการวิ่งรถบัสซึ่งถือเป็นรายได้หลัก อย่างไรก็ตามหลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ได้แล้ว ก็รู้สึกคลายความกังวลจากที่ก่อนหน้านี้ต้องอยู่ในภาวะเครียดหนัก เพราะเกรงว่าคดีจะยืดเยื้อยาวนานซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำรถออกไปวิ่งได้ แต่หลังจากจับกุมได้แล้วก็มั่นใจว่าคดีจะคลี่คลายโดยเร็ว ซึ่งตนก็จะสามารถนำรถออกมาประกอบอาชีพได้เร็วขึ้นด้วย พร้อมขอขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้โดยเร็ว
นายสุพิศ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคดีก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษกับสิ่งที่กระทำ เพราะสิ่งที่นายวัชรินทร์ กระทำไม่ได้ส่งผลกับตัวนายวัชรินทร์ คนเดียว แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับผู้ประกอบอาชีพรถโดยสารสาธารณะ เพราะทำให้ผู้โดยสารขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยที่จะใช้บริการรถโดยสารในการเดินทาง โดยเฉพาะตนเองนอกจากจะเสียค่าซ่อมบำรุงรถแล้ว หากนำออกมาวิ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการเป็นปกติหรือไม่ จึงฝากวิงวอนผู้โดยสารหรือประชาชนเห็นใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของตัวบุคคลอย่าเหมารวมทั้งหมด หลังจากนี้ก็จะตรวจสอบผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้รอบคอบกว่านี้ ส่วนตัวเองก็จะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเหมือนที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต เบื้องต้นก็ได้มอบเงินช่วยเหลือแล้วจำนวนหนึ่ง