ชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลเนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง สงสัยนายทุนบริษัทต่อเรือ จ้างผู้รับเหมามาขุดทรายแนวชายหาดตอกเสาเข็มทำการก่อสร้างกำแพงกั้นคลื่นลมและสลิปเวย์ทางขึ้นลงรุกหาดหรือไม่ ขออนุญาตถูกต้องแล้วหรือยัง จี้เจ้าท่าตรวจสอบด่วน
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านในเขตเทศบาลต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง ให้เข้าไปตรวจดูชายหาดทะเลสุชาดา บริเวณหาดหน้าบริษัทอู่ต่อเรือแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 4 ต.เนินพระ ภายหลังมีนายทุนเจ้าของบริษัทอู่ต่อเรือแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายหาดได้ว่าจ้างผู้รับเหมานำเสาเข็มตอกรุกลงไปในทะเลเพื่อสร้างเขื่อนกันคลื่นความยาวประมาณ 100 เมตร และขุดลึกลงไปประมาณเกือบ 2 เมตร มีการวางโครงเหล็กเส้นตลอดแนว เพื่อเทปูนซีเมนต์ทำเป็นเขื่อนสำหรับกั้นคลื่นทะเลที่ซัดเข้าฝั่ง และเข้าไปในที่ดินของนายทุนรายนี้ นอกจากนี้บริเวณชายหาดตรงข้ามทางเข้าบริษัทฯได้สร้างทางขึ้นทางลงหรือ สลิบเวย์ (slipway )เป็นทางลาดชันลักษณะเป็นถนนปูนคอนกรีตลงไปในทะเลในมุม 45 องศายาวประมาณ 20 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 มาตรวจสอบด้วย
ชาวบ้านรายหนึ่ง ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การขุดดินทรายหน้าหาดสุชาดา พร้อมกับนำหลักเสาเข็มมาตอกลงในทะเลเพื่อก่อสร้างแนวเขื่อนกันคลื่นและทางขึ้นลงเฉพาะในที่ดินของตัวเอง ชาวบ้านถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้ทัศนียภาพความสวยงามของชายหาด ซึ่งเป็นธรรมชาติถูกบดบัง ส่งผลให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางและที่สำคัญอยากให้ ทางเจ้าหน้าที่เจ้าท่า มาตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณดังกล่าวว่ามีการขุดดินรุกล้ำชายหาด และแนวเขตของเจ้าท่าให้ชัดเจนเสียก่อน รวมทั้งการอนุญาตสร้างเขื่อนดังกล่าว มีการขออนุญาตจากหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ถูกต้องหรือยัง ทั้งเจ้าหน้าที่ของทางอำเภอและเทศบาลตำบลเนินพระ ขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ทางด้าน นายสุริยา กิตติมณฑล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีผู้แทนของบริษัท พีเอ็มจี มารีนคอมเพล็กซ์ ได้มาเข้าพบเพื่อสอบถามข้อมูล โดยแจ้งว่าพื้นที่ชายหาดดังกล่าวมีโฉนดที่ดินเลขที่ 33360 และล่าสุดมีการรังวัดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งคงต้องทำการตรวจสอบว่า โฉนดที่ดินและการรังวัดที่ผ่านมาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สำหรับการก่อสร้างกำแพงกั้นคลื่นลมป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และทางสลิปเวย์ดังกล่าวนั้น ทางเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองยังไม่ได้มีการอนุญาตให้ก่อสร้างแต่อย่างใด ทั้งนี้จากการลงตรวจสอบพื้นที่บริเวณชายหาดพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง และอยู่หลังหมุดหลักแนวเขตของเจ้าท่าและข้อเท็จจริงที่เห็นเด่นชัดนั่นก็คือ ต้นสนถูกน้ำทะเลกัดเซาะหลังหมุดแนวเขต จึงเป็น พื้นที่ที่น้ำทะเลท่วมถึง ซึ่งมองว่าเป็นการถูกบุกรุกชายหาดแน่นอน
นายสุริยา กล่าวต่อว่า การก่อสร้างทางลงสลิปเวย์นั้นไม่สามารถขออนุญาตได้และจะมีความผิดในการเปลี่ยนแปลงทางน้ำ มาตรา 120 (พ.ร.บ.การเดินเรือ) มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท ส่วนการก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นลม ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการจังหวัดที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการประมาณ 10 หน่วยงานเสียก่อน จะสร้างโดยพลการไม่ได้ เตรียมที่จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทที่บุกรุก ขณะนี้รอการตรวจสอบการรังวัดแนวเขตให้ชัดเจนเสียก่อน .
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวระยอง