นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ. เพชรบูรณ์กล่าวภายหลังสื่อมวลชนรายงานข่าวเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2563 ซึ่งขยายระยะเวลาการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ 40% ออกไปอีก 1 ปี เป็นวันที่ 1 ต.ค. 64 เพื่อเยียวยาช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ว่า “พวกเราชาวไร่ยาสูบ 5 หมื่นครอบครัวทั่วประเทศ ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ กระทรวงการคลัง และท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ช่วยผลักดันให้มีการเลื่อนการขึ้นภาษี 40% ออกไป 1 ปี แม้จะเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว แบบปีต่อปี แต่ก็ช่วยต่อลมหายใจให้ชาวไร่ยาสูบที่ถูกตัดโควตาลงถึง 50% จนต้องขาดรายได้จุนเจือครอบครัวมา 2 ปีติดกันแล้ว และยังได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด”
“พวกเราขอขอบคุณนายจักรัตน์ พั้วช่วย และ น.ส.พิมพ์พร พรพฤติพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ทอดทิ้งชาวไร่ยาสูบ รับฟังความเดือดร้อนและคอยช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบมาตลอดตั้งแต่มีการปรับขึ้นภาษีเมื่อเดือน ก.ย. 60 ปัญหาที่เราเผชิญมาในช่วง 2 ปี นี้ เกิดจากการขึ้นภาษีทีละคราว ๆ มาก จนอุตสาหกรรมยาสูบ โดยเฉพาะชาวไร่ยาสูบที่เป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรม ปรับตัวไม่ทัน ซึ่งการเลื่อนการขึ้นภาษีครั้งนี้ก็เหมือนต่อชีวิตให้ชาวไร่ได้อีก 1 ปี แต่ต่อจากนี้อยากให้รัฐบาลมาหาทางแก้ปัญหาแบบยั่งยืน พวกเราอยากเห็นรัฐหันมาค่อย ๆ ขึ้นภาษีบุหรี่ แทนการขึ้นแบบมหาโหดในครั้งเดียว เพื่อจะได้ไม่ทำร้ายเกษตรกร และให้เกษตรกรมีเวลาในการหาอาชีพอื่นหรือพืชทดแทนที่เพียงพอด้วย”
ด้านนายสุครีพ บุญชุ่ม นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ จ. สุโขทัย เสริมว่า “รู้สึกดีใจและขอขอบคุณรัฐบาลที่เข้าใจและช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ เพราะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด คงไม่ใช่เวลาที่จะมาซ้ำเติมเกษตรกรด้วยการขึ้นภาษีอีกเท่าตัว พวกเราหวังว่าเมื่อมีประกาศเลื่อนภาษีออกมาแบบนี้แล้ว การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) จะคงโควตารับซื้อยาสูบจากพวกเราไว้ ช่วยให้ชาวไร่ยังคงมีรายได้จากการขายใบยาต่อไปได้อีก 1 ปีและผ่านช่วงวิกฤติเศรษฐกิจจากโรคระบาดโควิด-19 ไปได้”
นายสุครีพยังกล่าวถึงเรื่องพืชทดแทนอีกว่า “รัฐบาลไม่เคยมีทางออกที่เป็นรูปธรรมให้กับชาวไร่ยาสูบได้เลยทั้งๆ ที่ท่านนายกเคยสั่งการไว้เมื่อปี 2561 แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาส่งเสริมหรือช่วยเหลือหาพืชทดแทนที่รายได้เท่าเทียมกับการปลูกยาสูบมาให้ได้เลย จึงอยากฝากให้รัฐบาลทำการศึกษาเรื่องพืชทดแทนยาสูบหาข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้านก่อนที่จะมาเร่งรัดให้เรารีบปรับเปลี่ยนอาชีพ”
“การเลื่อนภาษีครั้งนี้ก็เป็นเพียงการเลื่อนออกไปเพียงแค่ 1 ปี ซึ่งถ้าปีหน้าครบกำหนดการขึ้นภาษีอีกเท่าตัวเป็น 40% ก็คงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการยาสูบฯ และชาวไร่ยาสูบอีกครั้งอย่างแน่นอน พวกเราจึงอยากขอให้รัฐบาลโดยเฉพาะกรมสรรพสามิตหาทางออกระยะยาวให้พวกเราและการยาสูบฯ เช่น การขึ้นภาษีครั้งละน้อยๆ แทนที่จะขึ้นทีเดียวแบบเท่าตัว ร่วมกับการช่วยหาพืชทดแทนให้ชาวไร่ยาสูบที่สามารถสร้างรายได้เท่าเทียมกับปลูกยาสูบได้ ซึ่งคงไม่ได้ทำกันได้เพียงชั่วข้ามคืนแต่ต้องมีเวลาปรับตัว 2-3 ปี พวกเราจะติดตามเรื่องนี้กับ ส.ส. ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด” นายสงกรานต์สรุป
มนสิชา คล้ายแก้ว