เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 แมกนิจูดทางตอนกลางของอิตาลีว่า นายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ครั้งรุนแรง ขนาด 6.2 แมกนิจูด เมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธตามเวลาท้องถิ่น บริเวณหลายเมืองแถบเทือกเขาในภูมิภาคอุมเบรียทางตอนกลางของประเทศ พร้อมประกาศใช้งบประมาณ 50 ล้านยูโรหรือประมาณ 1,470 ล้านบาท ในการบูรณะฟื้นฟูพื้นที่ที่เสียหาย และให้งดเว้นภาษีแก่ผู้ประสบภัยด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอิตาลียังเสนอโครงการสนับสนุนการก่อสร้างอาคารที่มีความปลอดภัย หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่ได้มาตรฐานในการก่อสร้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากอาคารพังถล่ม แต่ยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ที่อิตาลีจะสร้างอาคารซึ่งทนทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้ง ยังต้องเผชิญกับงานยากลำบากในการรักษาอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นโบราณสถานไม่ให้เสียหายจากแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะเข้ามาสนับสนุนในเรื่องนี้
ขณะที่สำนักงานฝ่ายป้องกันภัยพลเรือนอิตาลีแถลงว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรงทางภาคกลางอิตาลีเมื่อวันพุธ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 268 คน และบาดเจ็บเกือบ 400 คน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่พบที่เมืองอมาทริเซ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ โดยพบศพที่เมืองนี้แล้วมากกว่า 200 คน ขณะที่ความหวังในการค้นพบผู้รอดชีวิตเริ่มเลือนลาง แม้เจ้าหน้าที่กู้ภัย 5,000 คน ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ตามซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่ม แต่ยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาในพื้นที่ประสบภัยมากกว่า 900 ครั้งนับตั้งแต่ประสบเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งในจำนวนนี้ 57 ครั้งเกิดขึ้นตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา อาฟเตอร์ช็อกครั้งรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.28 น. สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐวัดระดับความรุนแรงได้ 4.7 แมกนิจูด ทั้งนี้ ตลอด 3 วันที่ผ่านมาหน่วยกู้ภัยสามารถช่วยชีวิตไว้ได้อย่างน้อย 215 คน จากใต้ซากปรักหักพัง
ด้านนายดาริโอ ฟรานเชสชินี รัฐมนตรีวัฒนธรรมอิตาลีแถลงความเสียหายในส่วนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อิตาลีว่า สิ่งปลูกสร้างสำคัญทางประวัติศาสตร์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวประมาณ 293 แห่ง ในเมืองอมาทริเซที่มีประชากรประมาณ 2,500 คนเท่านั้น แต่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวที่อิตาลี
วันเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศโรมาเนียแถลงว่า ชาวโรมาเนียเสียชีวิต 6 คน และสูญหาย 17 คนจากแผ่นดินไหวที่อิตาลี ที่เหลือเป็นชาวอังกฤษ 3 คน ชาวสเปน 1 คน รวมถึงชาวแคนาดา และเอลซัลวาดอร์
สำหรับความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ทางตอนกลางของเมียนมาร์เมื่อช่วงเย็นวันพุธทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และสถูปเจดีย์โบราณในเมืองพุกาม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมียนมาร์กว่า 184 แห่งพังเสียหาย ทางองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เผยแพร่คำแถลงผ่านเฟซบุ๊กเพจขององค์กร แสดงความเสียใจและย้ำคำมั่นช่วยเหลือการบูรณะเมืองพุกามหลังเผชิญภัยแผ่นดินไหว จนส่งผลกระทบต่อโบราณสถานสำคัญ ซึ่งขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมเมียนมาร์แบ่งทีมออกเป็น 11 ทีม เพื่อบูรณะพื้นที่ 11 เขตที่ได้รับความเสียหาย และผู้เชี่ยวชาญของยูเนสโกถูกส่งลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลเมียนมา
ขณะที่ประธานาธิบดีถิ่น จอ ของเมียนมาร์ เดินทางไปตรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโบราณสถานที่สำคัญในเมืองพุกาม พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ในพื้นที่บูรณะซ่อมแซมเจดีย์โบราณที่ได้รับความเสียหายเหล่านี้อย่างเป็นระบบ และเป็นไปตามหลักการซ่อมแซมบูรณะโบราณสถาน เนื่องจากการซ่อมแซมเจดีย์ในเมืองพุกาม ที่พังเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว ก่อนหน้านี้ในช่วงทศวรรษหลังปี 2533 ซึ่งขณะนั้น เมียนมาร์ถูกปกครองโดยรัฐบาลทหาร ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักประวัติศาสตร์และนักอนุรักษ์โบราณสถานทั่วโลก เนื่องจากการซ่อมแซมใช้วัสดุรุ่นใหม่และทำลายรูปแบบเจดีย์โบราณไปจนหมด ปัจจุบันที่เมืองพุกาม ยังคงมีเจดีย์และวัดโบราณหลงเหลืออยู่มากถึง 2,200 แห่ง ส่วนใหญ่ถูกสร้างตั้งแต่สมัยระหว่างศตวรรษที่ 10-13