เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า รัฐบาลอิตาลีประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 250 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 365 คน ด้านทีมกู้ภัยยังคงพยายามค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากอย่างต่อเนื่อง แต่ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเริ่มเลือนราง
เหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 แมกนิจูด เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 24 สิงหาคม ห่างจากกรุงโรมไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร โดยเมืองที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือเมืองอมาตริเช อาร์คูอาตา อัคคูโมลี และเปสคารา เดล ตรอนโต พื้นที่ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ ส่งผลให้ยากที่จะระบุจำนวนผู้ที่ยังคงสูญหาย ขณะที่ในเมืองอามาตริเช มีผู้เสียชีวิตที่เมืองนี้เมืองเดียวมากกว่า 200 ราย
ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอิตาลีระบุว่ามีชาวอังกฤษอย่างน้อย 3 รายเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะที่รัฐบาลโรมาเนียระบุว่ามีชาวโรมาเนียสูญหายอยู่ 11 ราย
ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงพบร่างผู้เสียชีวิต 1 รายใต้ซากโรงแรม “โฮเทลโรมา” ในเมืองอามาตริเช โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่าในเวลานี้ต้องแข่งกับเวลา และว่า โอกาสที่จะหาผู้รอดชีวิตในสถานการณ์และเงื่อนไขแบบนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม ทีมกู้ภัยยังไม่หมดหวังที่จะพบผู้รอดชีวิต พร้อมทั้งร้องขอให้ประชาชนในท้องถิ่นยกเลิกพาสเวิร์ดไวไฟ เพื่อช่วยเหลือด้านการสื่อสารในการค้นหาผู้รอดชีวิต
นายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศงบประมาณในการฟื้นฟูความเสียหายเป็นเงินจำนวน 50 ล้านยูโร หรือราว 1,950 ล้านบาท นอกเหนือจากนั้นนายกรัฐมนตรียังประกาศยกเว้นภาษีให้กับประชาชนในพื้นที่และประกาศนโยบาย “อิตาเลียน โฮม” เพื่อกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน และว่า การคิดสร้างอาคารที่ปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหวโดยสมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องไร้สาระ
ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของนายเรนซี มีขึ้นหลังจากสื่อท้องถิ่นวิพากษ์วิจารณ์มาตรฐานการก่อสร้างในพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอาคารบางส่วนที่ถล่มลงมาเป็นอาคารที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ขณะที่รายงานะระบุว่าเมืองเก่าในอิตาลีนั้นไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายสร้างอาคารที่ทนต่อแผ่นดินไหว ส่งผลให้อาคารใหม่ที่สร้างขึ้นก็จะไม่ได้สร้างขึ้นตามมาตรฐานดังกล่าว