พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ผ่านมา นายเบนจามิน คิง (H.E. Mr. Benjamin King) เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดย นายกฯ แสดงความยินดีที่ได้พบและยินดีที่เอกอัครราชทูตฯ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตฯ จะช่วยส่งเสริมและผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ด้าน เอกอัครราชทูตฯ แสดงความขอบคุณนายกฯ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความยินดีที่ปีนี้เป็นปีครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย – นิวซีแลนด์ และเชื่อว่าความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยาวนานของทั้งสองฝ่าย จะนำไปสู่ความร่วมมือต่างๆ อีกมากมาย
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การเมืองไทย โดยกล่าวว่า ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้าน โดยขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะเดินหน้าตามโรดแมปที่ได้วางไว้ ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และให้ประชาชนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ จึงกำหนดให้มีขั้นตอนการออกเสียงประชามติไว้ในโรดแมป และการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ และการออกเสียงประชามติ เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญสำหรับการวางรากฐานของสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเสียงของประชาชนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะปฏิรูปประเทศและวางรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนในทุกด้าน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการตามโรดแมป ซึ่งมุ่งสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน และสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
พล.ต.วีรชน กล่าวด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการค้า การลงทุน ตลอดจนการเจรจา FTA ระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ ซึ่งปัจจุบันไทยได้รับความยอมรับและเชื่อมั่นจากนานาชาติในการเข้ามาลงทุนด้านต่างๆ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องพัฒนาและขยายความสัมพันธ์ทางด้านการศึกษา การวิจัยและพัฒนา และการท่องเที่ยว โดยเห็นพ้องว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ครอบคลุมในทุกมิติ
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้นั้น เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า นิวซีแลนด์ยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและคำแนะนำทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งนิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ด้าน นายกฯ กล่าวขอบคุณและขอให้หน่วยงานทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการในต่อไป นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังกล่าวชื่นชมประเทศไทยถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ ในตอนท้าย นายกฯ แสดงความเชื่อมั่นที่จะรักษาผลประโยชน์ของไทยและนิวซีแลนด์ ตลอดจนทุกประเทศที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างดีที่สุด พร้อมกล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ จะเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4 – 5 ก.ย.59 และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 6 – 8 ก.ย.59 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และบทบาทของไทยในเวทีนานาชาติ