คืบหน้าข่าวปลาตายที่วัดสิกขวัฒนาราม (บ้านซ่ง)ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี
จ.ปราจีนบุรี เช้าตรุู่วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่อีกครั้งที่ท่าน้ำของวัดพบว่ามีฝูงปลาพากันมาลอยหัวขึ้นมาหายใจแต่ไม่พบปลาตาย สภาพน้ำจากที่ขุ่นข้นจางลงแล้วสังเกตุได้จากตาเปล่า คาดว่าเกิดจากการผสมผสานน้ำเก่ากับน้ำฝนที่ตกลงมาในระดับหนึ่ง เมื่อน้ำไหลลงแม่น้ำเกิดเป็นตระกอนขุ่นทำให้ออกสิเจนในน้ำไม่มีจึงทำให้ปลาขาดออกซิเจน
นายวัลลภ ประวัติวงศ์ นายอำเภอกบินทร์บุรี ได้กล่าวว่าหลังจากทราบข่าวจากสื่อมวลชนบางสำนักนำเรื่องราวออกสื่อจึงเชิญเจ้าหน้าที่ที่ประมงอำเภอ นายก อบต. ผู้นำหมู่บ้าน ฝ่ายปกครอง อส.ลงพื้นที่ตรวจสอบในเบื้องต้นวานนี้ และได้รับรายงานจากประมงอำเภอว่าจากการที่พบปลาตาย 3-4ตัว ตามภาพข่าว และพบปลาตายจึงได้ตรวจดูที่เหงือกมีสีแดง ปลาตายแบบธรรมชาติเหงือกจะมีสีแดง ถ้าหากปลาตายจากปนเปื้อนสารเคมีตัวปลาจะมีคราบน้ำมันหรือว่าสารปนเปื้อนติดอยู่ และชายตลิ่งจะมีคราบดำเกาะอยู่จากการ
สำรวจไม่พบสิ่งแปลกปลอมใดๆ เชื่อได้ว่าปลาตายเกิดจากปลาน็อคน้ำตายเอง
นางทิศธิยา แช่มล้วนประมงอำเภอกบินทร์ กล่าวว่าจากการลงพื้นที่สำรวจที่เกิดเหตุพบว่าไม่มีคราบปนเปื้อนจากสารเคมีปลาที่ตายก็มีจำนวนน้อย คาดว่าน่าจะเกิดจากการปรับตัวรับน้ำฝนที่ตกลงมาเพิ่มเติมผสมกับน้ำเก่าที่มีอยู่จึงเกิดตะกอนหนาแน่น จึงทำให้ปลาปรับตัวไม่ทันทำให้ปลาตายได้การที่ปลาตายจากการถูกสารปนเปื้อนจะตายเป็นจำนวนมากและจะรวมอยู่ตามตลิ่ง ครั้งนี้ไม่พบสิ่งต้องสงสัยจากสารปนเปื้อนหรือสารเคมีที่ปล่อยมาจากโรงงานที่หนึ่งที่ใด ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากทั้งวัดและประชาชนในพื้นที่ห้ามมิให้ให้อาหารปลาที่ท่าน้ำนี้ระยะหนึ่งก่อน ปลาที่ขาดออกซิเจนหายใจจะไม่กินอาหาร หากให้อาหารเท่ากับเพิ่มการขุ่นข้นของตระกอน คาดว่าปลาน่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นภายใน 2-3
วันนี้
ขณะเดียวกันทางด้าน อบต.โดยการนำของนายประกรณ์ สมบัติมาก นายก อบต.ย่านรี นายวิทวัฒน์ นาแรมงาม รองนายก อบต.และเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่บ้าน ได้ใช้เรือยาง
ติดเครื่องยนต์วิ่งตีน้ำให้มีฟองอากาศ เป็นระยะๆ และได้ใช้เครื่องวัดค่าน้ำซึ่งวัดได้ 3.57 ซึ่งอยู่ในระดับที่มีออกซิเจนมากพอที่ปลาจะอยู่ได้ ทางวัดได้ใช้ไดร์โว่พ่นน้ำอีกทางหนึ่งคาดว่าทุกอย่างจะเข้าสู้ภาวะปกติภายใน 2-3 วันนี้…
ภาพ/ข่าว:ทองสุข สิงห์พิมพ์
ลักขณา สีนายกอง/รายงาน