(17มิ.ย.63)พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสนช.พร้อมด้วยนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสว.ร่วมกันลงนามในหนังสือยื่นถึงนายพิทูร พุ่มหิรัญ ประธานกรรมการจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา ร้องเรียนกรณีนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา หลังจากที่คณะกรรมการจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา มีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณา เพราะล่วงเลยระยะเวลาที่ระเบียบคณะกรรมการจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา ว่าด้วยวิธีเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา พ.ศ.2555 ข้อ 5 วรรคสี่ นายวัชระเห็นว่า ระเบียบดังกล่าวออกโดยอาศัยอำนาจของประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา ดังนั้น ประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา ย่อมมีลำดับศักดิ์ของกฎหมายสูงกว่าระเบียบคณะกรรมการจริยธรรม จึงไม่สามารถขัดหรือแย้งกับประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภาได้ คณะกรรมการจริยธรรมฯ จึงไม่ควรทำตัวให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้บังคับประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา อีกทั้งคณะกรรมการจริยธรรมฯ ถูกแต่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย การงดเว้นหรือการไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภาสามัญ จึงเสี่ยงต่อการทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และไม่สามารถใช้อำนาจตามระเบียบฯ มาจำกัดสิทธิการเสนอเรื่องร้องเรียนของบุคคลภายนอกในกรณีพบหรือเห็นว่ามีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภาได้
สำหรับข้อร้องเรียนนายสรศักดิ์ ตามที่ยื่นครั้งนี้มีหลายประเด็นคือทำผิดจริยธรรมข้าราชการรัฐสภาอย่างร้ายแรงจากพฤติกรรมการคุกคามทางเพศต่อข้าราชการสตรีในสังกัดสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหลายลักษณะและหลายครั้งในทางชู้สาว ซึ่งมีทั้งพยานหลักฐานอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเกี่ยวกับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนแก่ข้าราชการสตรีผู้เสียหาย 3 % เพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตนด้วย
ขณะเดียวกันในการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายสรศักดิ์ยังทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง จากการปล่อยปละละเลยการจัดสร้างแบบจำลองอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ทองคำเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 จนเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาถึง 7 ปีเศษก็ยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งนายสรศักดิ์ ยังมีส่วนสำคัญให้ขยายระยะเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ถึง 4 ครั้งโดยมิชอบ ทำให้ราชการต้องเสียงบประมาณเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก และยังถูกบริษัทผู้รับเหมาฟ้องต่อศาลปกครองกลางเรียกค่าเสียหายมากถึง 1,590 ล้านบาท
และล่าสุดยังมีเรื่องที่นายสรศักดิ์กล่าวให้ร้ายอดีตส.ส.ปชป.ตามที่เวบไซต์ผู้จัดการออนไลน์เผยแพร่เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 ว่า “สรศักดิ์ โบ้ยเครื่องเสียบบัตรไม่พอ เหตุอดีต ส.ส.ปชป.ร้องเรียน”ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนว่า อดีตส.ส.ปชป.ร้องเรียนจนเป็นเหตุให้ถูกตัดงบ Ict ทั้งที่ในข้อเท็จจริงผู้ที่ตัดงบประมาณคือคณะรัฐมนตรี
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ พลเรือเอกบรรณวิทย์ นายวัชระ และนายสมบูรณ์ จึงทำหนังสือร้องเรียนและพร้อมที่จะให้รายละเอียดด้วยวาจาในทุกประเด็น ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ร้องเรียนอยู่ในความครอบครองของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จึงขอให้พิจารณาสอบสวนพฤติกรรมการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภาของนายสรศักดิ์อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาด้วยความรวดเร็วตามกฎหมาย เพื่อสร้างระบบธรรมาภิบาลของข้าราชการรัฐสภาให้ปรากฏเป็นจริงต่อไป