วันนี้ (15 มิ.ย.63) 13.00 น. ที่ ห้องประชุมพนมรุ้ง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธาน การประชุม “การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคในเขตเมืองบุรีรัมย์” เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือและวางแผนการแจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และระดมความคิดเห็นในการบูรณาการร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในเขตเมือง ซึ่งจากสถานการณ์ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่มีปริมาณน้อยและภาวะฝนทิ้งช่วง ในปี 2561– 2562 ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำน้อยกว่าเกณฑ์ปกติค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใช้ผลิตประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนในเขตเมือง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเหลือเพียง 13,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้ไม่สามารถนำน้ำดิบมาผลิตน้ำประปาได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง
ปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาค สาขาบุรีรัมย์ ร่วมกับโครงการชลประทานบุรีรัมย์ ได้สูบน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย อ.กระสัง มายังอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด อ.เมืองบุรีรัมย์ วันละ 20,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อผลิตน้ำประปา แต่ยังไม่เพียงพอและทั่วถึงทุกครัวเรือน การประปาส่วนภูมิภาคสาขาบุรีรัมย์จึงได้ปรับลดแรงดันการจ่ายน้ำ ส่งผลให้ระบบผลิตน้ำประปาไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลัง เป็นเหตุให้ น้ำที่สูบจ่ายไปยังบ้านผู้ใช้น้ำมีปริมาณน้อยลง เกิดปัญหาน้ำประปาไหลอ่อนหรือไม่ไหลในบางพื้นที่
ซึ่งในเบื้องต้น ได้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ประชาชนร้องขอน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ให้จัดเตรียมยานพาหนะ หรือรถบรรทุกน้ำพร้อมเจ้าหน้าที่ ประสานขอการสนับสนุนน้ำประปาโดยตรง ได้ที่สถานีผลิตน้ำห้วยจระเข้มาก การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบุรีรัมย์ หรือการประปาส่วนภูมิภาค สาขาสตึก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสำหรับแหล่งจ่ายน้ำประปาที่อยู่ในเขตเมือง ไม่ให้มีการจำหน่ายน้ำให้กับเอกชนเพื่อนำไปขายต่อให้กับประชาชน และขอสงวนสิทธิ์ไว้เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่เขตเมืองบุรีรัมย์ เท่านั้น
นอกจากนั้นแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตาม การเจาะสำรวจเพื่อดูปริมาณ และคุณภาพน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นแผนสุดท้ายถ้าหากไม่มีน้ำฝนมาเติมอ่างตามเวลาที่คาดการณ์ไว้ และไม่มีน้ำจากแหล่งอื่นมาเติม เพื่อให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์จะได้มีน้ำอุปโภค-บริโภค ได้ต่อไป