ตุรกีถล่มแหล่งกบดานไอเอสในซีเรียด้วยปืนใหญ่ เมื่อวันอังคาร (23) ขณะที่มีรายงานว่า กลุ่มกบฏที่สนับสนุนตุรกี กำลังเตรียมการเพื่อเข้าชิงเมืองจาราบลัสในซีเรียจากไอเอส ซึ่งจะนำไปสู่การปะทะกับกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดที่จ้องเมืองดังกล่าวตาเป็นมันเช่นเดียวกัน ทางด้านผู้นำตุรกีกลับลำ ระบุ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ากลุ่มใดอยู่เบื้องหลังการโจมตีงานวิวาห์ชาวเคิร์ด
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ตุรกีใช้ปืนครกระดมยิงเป้าหมายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) กับกบฏชาวเคิร์ด ตามแนวพรมแดนติดกับซีเรีย นับจากต้นปี ตุรกีเผชิญการโจมตีนองเลือดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่จากฝีมือของทั้งไอเอส และกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด แถมเมื่อกลางเดือนที่แล้ว รัฐบาลยังเกือบถูกยึดอำนาจโดยกลุ่มทหารกบฏ
ในวันอังคาร มีกระสุนปืนครก 2 ลูก ยิงจากพื้นที่ยึดครองของไอเอสในซีเรีย ไปตกในเมืองคาร์คามิสทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ทางตุรกีจึงยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ราว 60 นัด ถูกเป้าหมายที่มั่นไอเอส 4 แห่ง รอบเมืองจาราบลัสในซีเรีย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนักเคลื่อนไหว เผยว่า กบฏที่สนับสนุนอังการาเตรียมโจมตีไอเอสที่ยึดครองเมืองจาราบลัสอยู่ ซึ่งจะนำไปสู่การปะทะกับกลุ่มติดอาวุธของ “เคอร์ดิช เดโมเครติก ยูเนียน ปาร์ตี (พีวายดี)” ที่เป็นศัตรูกับตุรกี และต้องการยึดเมืองจาราบลัสเช่นเดียวกัน หลังจากที่เข้ายึดเมืองมานบิจทางเหนือของซีเรียได้แล้ว
รามี อับดุล ราห์มาน หัวหน้ากลุ่มซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ระบุว่า การยิงปืนใหญ่เข้าไปในซีเรียของตุรกี มีเป้าหมายเพื่อสกัดไม่ให้กลุ่มเคิร์ดรุกคืบจากมานบิจไปยังจาราบลัส
ขณะที่ อับดุลกาดีร์ เซลวี คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์เฮอร์ริเยต ที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มต่าง ๆ ระบุว่า กลุ่มกบฏที่สนับสนุนตุรกีอาจเริ่มบุกเมืองจาราบลัสได้ทุกเมื่อ
แม้ทางการตุรกียังไม่ได้ยืนยันเรื่องดังกล่าว แต่รัฐมนตรีต่างประเทศ เมฟลุต คาวูโซกลู กล่าวเมื่อวันจันทร์ (22) ว่า จะต้องกวาดล้างนักรบญิฮาดให้หมดไปจากบริเวณชายแดน
เหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นขณะที่สงครามกลางเมืองซีเรียที่ยืดเยื้อถึง 5 ปีครึ่ง มาถึงทางแยกสำคัญ โดยมีสัญญาณว่า ตุรกีอาจยอมให้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด อยู่ในตำแหน่งต่อไป ระหว่างการผ่องถ่ายทางการเมืองของซีเรีย
เมื่อวันจันทร์ นายกรัฐมนตรี บินาลี ยิลดิริม แห่งตุรกี เรียกร้องให้มหาอำนาจต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรของอัสซาด อาทิ อิหร่าน และ รัสเซีย รวมถึงบอกอเมริกาด้วยว่า ควรร่วมมือกันเพื่อเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวิกฤตซีเรีย
อย่างไรก็ตาม ยิลดิริม ผู้ถูกมองว่า ได้รับแต่งตั้งเข้ามาเมื่อต้นปี เพื่อลดแนวทางการเผชิญหน้าในนโยบายต่างประเทศของตุรกีนั้น ได้เตือนว่า ไม่สามารถยอมรับได้ หากเคิร์ดพยายามแยกตัวและตั้งรัฐอิสระทางเหนือของซีเรีย
ตุรกีนั้นมองว่า วายพีดีเป็นกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่วอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอังการาในสงครามต่อต้านไอเอส กลับเห็นว่า กลุ่มติดอาวุธของวายพีดี ซึ่งก็คือ เคอร์ดิช พีเพิลส์ โพรเท็กชัน ยูนิตส์ (วายพีจี) นั้น มีบทบาทสำคัญในสงคราม
ทั้งนี้ รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีกำหนดเยือนตุรกีในวันพุธ (24) เพื่อหารือกับผู้นำตุรกี คาดว่า หัวข้อสำคัญจะเป็นเรื่องซีเรีย
ขณะเดียวกัน ชาวตุรกียังคงหวาดผวาจากการโจมตีงานแต่งงานชาวเคิร์ดในเมืองกาเซียนเท็ป เมื่อวันเสาร์ (20) ที่มีผู้เสียชีวิต 54 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี และยังมีเด็กอายุเพียง 4 ขวบเป็นเหยื่อด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความสับสนเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ โดยประธานาธิบดี เรเจป ตายยิป แอร์โดอัน ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (21) ว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายเป็นเด็กอายุ 12 – 14 ปี ที่รับคำสั่งมาจากไอเอส
แต่ในวันต่อมา ยิลดิริม กลับบอกว่า ตุรกียังไม่มีเบาะแสผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ว่าเป็นใคร พร้อมเตือนว่า ควรกลั่นกรองข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับอายุและต้นสังกัดของมือระเบิด
เฮอร์ริเยต รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตุรกียังเชื่อว่าเป็นฝีมือไอเอส โดยมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากครอบครัวผู้ที่ต้องสงสัยเป็นสมาชิกไอเอส ในเมืองกาเซียนเท็ป รายงานยังระบุด้วยว่า การยืนยันของเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้ อิงกับคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์