วันที่8มิ.ย.2563 ไรองุ่นสองเลเนื้อที่ประมาณ3ไร่ของนายภควัตร และนางสาวพรพรรณ วิจิตรไพโรจน์ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่7 ต.นิคมพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ไม่ได้เปิดเพราะปัญหาโควิด19ระบาด กำหนดการเข้าชมเปิดตั้งแต่วันที่5มิถุนายนจนถึงวันที่14 มิถุนายนนี้ สำหรับวันนี้เป็นวันที่3ของการเข้าชม นักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสตูลแห่เข้าชมกันอย่างเนืองแน่น เปิด3วันยอดผู้เข้าชมเกิน4000คนแล้ว
สำหรับค่าบริการเข้าชมไรองุ่น2เลนี้เจ้าของไร่คิดค่าบริการผู้ใหญ่20บาทและเด็ก10บาทเท่านั้นเอง
นายภควัตร เจ้าของสวนกล่าวว่าตนดีใจที่ทางการปลดล็อกการท่องเที่ยว ทำให้ไร่องุ่นที่ตนเพียรพยายามสร้างข้นมาร่วมเวลา1ปีเต็มสามมารถสร้างรายได้ที่ตนลงทุนไปกลับมาบ้าง สำกรับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวถือได้ว่าประสบผลสำเร็จมาก มีนักท่องเที่ยวแห่เข้าชมกันนับพันคนต่อวันทำให้3วันนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับตนและชาวบ้านในชุมชนมากกว่า100000บาทเลยทีเดียว
นายภควัตร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับมาตรการป้องกันโรคโควิต19 ทางไร่ก็ไม่ได้ละเลย ได้จัดป้ายแจ้งข้อบังคับให้เห็นอย่างชัดเจน มีการลงชื่อผู้เข้าชมทุกคน มีการบริการเจลล้างมื้อให้ผู้เข้าชมทุกคน มีการจัดระยะห่างโดยการเข้าชมสวนจะปล่อยให้เข้าชมเป็นชุด ชุดละไม่เกิน15คนเพื่อป้องกันโรคโควิด19และจะสังเกตได้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเข้าชมก็มีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยให้ความร่วมมือและสวมหน้ากากอนามัยมากกว่า90%ของผู้ที่เข้าชม
สำหรับการเปิดไร่องุ่นในครั้งนี้ สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกทางจากการนำสินค้า พืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในชุมชนมาวางขายหน้าไร่องุ่นและการจ้างงานที่เกิดขึ้นในชุมชนเพราะไร่องุ่นต้องใช้คนงานหลายด้านไม่ว่าจะเป็นคนดูแลไร่ พนักงานต้อนรับหรืออีกหลายๆงานที่เกิดขึ้นมาในช่วงเปิดไร่องุ่นแห่งนี้
ด้านนางสุภัตรา แสงขำ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี่สตูล กล่างว่า วันนี้ทางตนและคณะครูได้มาเข้าชมและศึกษาไร่องุ่นก็รู้สึกภูมิใจและขอชื่นชมที่เจ้าของไร่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ใรไร่องุ่นต่อไปก็สามารถนำมาเป็นตัวอย่างในการเรียนการสอนได้
นาย วรสิทธิ์ เลียงประสิทธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดสตูล มีโอกาสได้มาเยื่อมชมสวนองุ่นให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไร่องุ่นที่นี่เป็นความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จ.สตูลที่สามรถทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า องุ่นไม่ใช่จะปลูกได้แต่พื้นที่ภาคเหนือเท่านั้น ภาคใต้ก็สามารถปลูกได้ผลผลิดที่ดีเยี่ยมอบ่างเห็นได้ชัด เป็นแนวคิดต่างที่ทำให้คิดได้ว่าสตูลไม่ใช่ต้องยึดติดอยู่เฉพาะยางพาราหรือปาล์มน้ำมัน พืชเศรษฐกิจอื่นก็สามารถปลูกได้อยุ่ที่ความคิดและการกล้าจะทำ
นายวรสิทธิ์ กล่าวต่ออีกว่สำหรับเรื่องการท่องเที่ยวคงห้ามประชาชนไท่ได้ แต่ก็อยากจะฝากถึงนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวว่าทุกคนควรปฎิบัติอย่างไรที่จะปลอดภัยจากสถานการณ์โรคระบาด การรับผิดชอบต่อสังคมและการป้องกันที่จะต้องปฏิบัติทุกคนต้องรู้และต้องปฎิบัติก็จะสามารถทำให้เราท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยได้
นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล