เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 22 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า การสืบสวนนับแต่แค่วันที่ 10 สิงหาคมเป็นต้นมามีความคืบหน้าไปมาก จนทราบขั้นตอน วิธีการ และจุดรวมตัวของผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งต้องทำด้วยความรอบคอบ ทั้งการเดินทางมาและเดินทางกลับหลังจากเสร็จภารกิจ ทราบแล้วว่าแผนประทุษกรรมของคนร้ายเป็นอย่างไร น่าเชื่อว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการ 20 คนขึ้นไป โดยวิธีการผิดแปลกไปจากธรรมเนียมประเพณีของคนมุสลิม ซึ่งครั้งนี้การก่อเหตุพยายามปกปิดใบหน้า ใส่กางเกงขาสั้น เพื่ออำพรางตัวเอง โดยปกติแล้วการแต่งกายต้องเป็นไปตามวัฒนธรรมของตัวเอง แต่ครั้งนี้พยายามทำตัวทำคล้ายๆ กับนักท่องเที่ยวเพื่อก่อเหตุ ขณะนี้ออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุเพียง 1 ราย คือ นายอาหะมะ เลงหะ ชาว จ.นราธิวาส จากกรณีวางระเบิดที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต
ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนประเด็นการก่อเหตุยังไม่ตัดทิ้ง ทั้งเรื่องการลงเสียงประชามติ การสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ การขยายพื้นที่ของแนวร่วมก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะจริงหรือไม่จริงก็ยังไม่ตัด หรืออาจจะมาทำงานแบบรับจ้างเฉพาะกิจก็อาจจะเป็นไปได้ เบื้องต้นในทางสืบสวนรู้ตัวแล้วว่ามีคนร้ายมากกว่า 20 คน ส่วนหนึ่งมีหมายจับ มีประวัติก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นคนลงมือจากคนรุ่นใหม่ หลายคนไม่เคยมีประวัติมาก่อน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เพราะยังไม่มีการประกาศตัวอย่างชัดเจน แต่คนรุ่นเก่าก็อาจจะมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เพราะดูจากแผนประทุษกรรมแล้วแทบจะเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งทางการสืบสวนค่อนข้างลำบาก แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานอยู่ ทั้ง 20 กว่าคน เชื่อว่าทั้งหมดผ่านการฝึกฝนก่อนที่จะมาก่อเหตุ ถ้าได้ตัวคนหนึ่งใน 20 คนนี้ก็อาจจะรู้ตัวผู้บงการ ซึ่งพวกนี้เป็นระดับปฏิบัติการอยู่แล้ว และมีการแบ่งงานกันทำชัดเจน มีการเดินทางมารับภารกิจ จังหวัดใครจังหวัดมัน ส่วนจะมีการควบคุมตัวใครตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือมาตรา 44 หรือไม่เป็นเรื่องของการสืบสวน ตนขอไม่พูด ในส่วนของ 20 คนนี้ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นคนสองสัญชาติหรือไม่รึเปล่า ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม อยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ที่ผ่านตนก็วิเคราะห์ว่าเหตุใดจึงมีแนวร่วมหน้าใหม่เข้าร่วมการก่อเหตุครั้งนี้ ถึงได้รู้ว่ามีการใช้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มเหล่านี้ผ่านการฝึกฝน บางคนจบมาจากโรงเรียนปอเนาะ ในการติดตามตัวคนร้ายนั้นก็มีการประสานกับทางการมาเลเซียอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เฉพาะคดีระเบิด อย่างไรก็ตาม การออกหมายจับ ขึ้นอยู่กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง เพราะได้มอบหมายไปแล้วในส่วนการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พบพิรุธการโอนเงิน 4.5 ล้านบาท เข้าบัญชีผู้ต้องสงสัย ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในการสืบสวนเส้นทางการเงิน ซึ่งกำลังดำเนินการ ส่วนจะออกหมายจับถึงระดับสั่งการหรือไม่นั้น ก็อยากให้สาวถึงระดับบงการ เชื่อว่ามีความพยายามอยากจะได้ตัวคนบงการ คาดว่ากลุ่มเหล่านี้ยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายภาคใต้ รวมถึงนายอาหะมะที่ออกหมายจับไปแล้ว เพียงแต่เจ้าหน้าที่ยังตามหาไม่พบ ส่วนใหญ่พบแต่ญาติพี่น้อง ได้รับความร่วมมือบ้าง ไม่ได้รับความร่วมมือบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ละความพยายามอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าที่เราทำได้ประโยชน์หลายอย่าง และพยายามให้ได้ตัวคนทำผิดมาลงโทษ
ถามว่า จากการสืบสวนคนร้ายกลุ่มนี้เป็นแนวร่วมกลุ่มบีอาร์เอ็น หรือพูโลเก่า-ใหม่ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า กลุ่มเหล่านี้พยายามสร้างเงื่อนไขในการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลมาโดยตลอด ซึ่งผ่านมาหลายรัฐบาลแล้วยังไม่บรรลุข้อตกลง ก็อาจจะมีการแสดงศักยภาพหวังผลหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก
เมื่อถามว่า กลุ่ม นปป. 17 คนที่ศาลทหารออกหมายจับมีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดหรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ส่วนตัว สมองว่าไม่เกี่ยวกัน
“ถ้าถามผมส่วนตัวเหตุระเบิดอาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่ แต่วัตถุประสงค์ เป้าหมายในเรื่องการเมือง จะแตกตัวจากไหนก็แล้วแต่ ผมเชื่อว่ากลุ่ม 15 คนเขารู้ว่าเป้าหมายจะทำอะไร อย่างเช่นเรียกตัวเองว่ากลุ่ม นปป. เป็นการขัดขวางการทำงานของรัฐบาลต่างๆ นานา ซึ่งไม่เอาเผด็จการ แต่วิธีการอาจจะไม่ได้มาวางระเบิด แต่มีแนวคิดและเป้าหมายเดียวกัน” ผบ.ตร.กล่าว และว่า แนวทางการสืบสวนเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันแต่แยกกันทำงาน อาจลักษณะแบบนั้นรับโจทย์มาคนละอย่าง แต่เป้าหมายเดียวกัน นี่คือความเห็นส่วนตัว ถ้าผิดก็ตำหนิตนคนเดียว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลุ่มที่ก่อเหตุมองไปที่กลุ่มวาดะห์หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ถ้าเป็นแนวทางในการสืบสวนก็มองไปที่ซุ้มใหญ่หรือกลุ่มใหญ่ก่อน ภาคใต้มีตั้งหลายกลุ่ม ก็ยอมรับว่ากลุ่มวาดะห์อยู่ในฐานข้อมูล ยกตัวอย่าง ถ้าตนเป็น ส.ส.ก็ต้องรู้จักความเคลื่อนไหวของลูกบ้านอยู่แล้ว ในด้านการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับชาติก็ต้องทราบความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว ว่าใครอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง อย่ามาปกป้องพวกเดียวกัน อย่ามาปกป้องกลุ่มเดียวกัน
ถามว่า ในสายตาของต่างประเทศมองว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังขยายพื้นที่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เขามีความพยายามที่จะประกาศตัว ซึ่งบางครั้งไม่สามารถพูดให้ฟังได้ ส่วนการขยายพื้นที่มองได้หลายอย่าง การทำครั้งนี้วิเคราะห์ว่าได้ประโยชน์หลายอย่าง ที่ผ่านมาก็เคยมีลักษณะเช่นนี้ แต่ในส่วนนี้มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะกิจ อาจจะเป็นการทดลองชุด