วันที่ 4 มิ.ย.63 เวลา 11.30 น.ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 บช.น. : พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร,พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม,พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1,พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าว ผลการจับกุมแฮกเกอร์แสบหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เบิกเงินเกือบ 4 แสนบาท
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ร่วมจับกุม นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร แฮกเกอร์แสบ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ หลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวผู้เสียหาย SMS OTP ขโมยเงินจากบัญชีเกือบ 4 แสนบาท พบมีคดีฉ้อโกงติดตัวเกือบ 10 คดี รวมทั้งการฉ้อโกงหน้ากากอนามัย
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ หลังร่วมกับพวก หลอกลวงนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย เพื่อใช้ขโมยเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย มูลค่าเกือบ 4 แสนบาท โดยผู้ต้องหา ได้มีการว่าจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการสื่อมวลชน หลอกผู้เสียหายว่า ได้รับรางวัล หลังเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโทรศัพท์มือถือ ก่อนนำโทรศัพท์มือถือมามอบให้ แต่ให้ผู้เสียหายนำซิมโทรศัพท์ของตัวเองมาใส่โทรศัพท์เครื่องใหม่ เพื่อยืนยันการรับรางวัล จากนั้น ใช้โปรแกรมที่ฝังไว้ในโทรศัพท์ดูดข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย ก่อนใช้ขโมยเงินของผู้เสียหาย
จากการสืบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง โดยเลือกเหยื่อที่มีลักษณะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี โดยดูจากสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ การตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่า จบการศึกษาจากประเทศเยอรมนี มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี และถูกดำเนินคดีในคดีฉ้อโกงอีก 9 คดี ส่วนเงินที่ได้มา นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หลังขาดทุนในคดีฉ้อโกงหน้ากากอนามัยช่วงที่ผ่านมา
ทางด้าน นายกษิดิศ ขอสงวนนามสกุล ผู้เสียหาย เล่าว่า หลังกลับจากพักโรงแรมแห่งหนึ่ง มีโทรศัพท์เข้ามาที่ตนเอง แสดงความยินดีที่เข้าพักโรงแรม และได้รับรางวัลเป็นโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ต้องหานัดหมายนำโทรศัพท์มาให้ด้วยตนเอง และมีการถ่ายภาพลงสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความน่าเชื่อถือ แต่ต้องใส่ซิมส่วนตัวเข้าไปในโทรศัพท์มือถือที่เป็นรางวัล โดยอ้างว่า เพื่อยืนยันการรับรางวัล หลังจากนั้น ประมาณ 1 ชั่วโมง เงินในบัญชีของตนเองถูกโอนออกเกือบ 4 แสนบาท และส่วนตัวไม่เคยรู้จักผู้ต้องหามาก่อน
ด้าน นายนิวัตร อดีตผู้ประกาศข่าวช่องดัง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนทำงานด้านสื่อมวลชน แต่จากสถานการณ์โควิดทำให้รายได้หายไป จึงรับงานฟรีแลนซ์ผ่านเว็บอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยถูกว่าจ้างให้นำโทรศัพท์ไปมอบให้กับผู้โชคดี จำนวน 3 ราย โดยว่าจ้าง 5,000 บาท พร้อมจ่ายเงินล่วงหน้า 50% เป็นเงิน 2,500 บาท และอีก 2,500 บาทจะจ่ายหน้างาน แต่ปรากฎว่า หลังจากนำโทรศัพท์ไปให้ผู้เสียหายแล้วกลับไม่ได้เงินส่วนที่เหลือ ตนจึงยุติไม่ไปส่งโทรศัพท์อีก 2 ราย
หลังจากนั้นตนพยายามติดต่อขอเงินค่าจ้างที่ตกลงกันไว้ แต่ก็ไม่ได้รับเงิน จึงยุติการรับงานกับเคสนี้โดยสิ้นเชิง ต่อมาจึงทราบว่าผู้เสียหายที่ตนนำโทรศัพท์ไปให้นั้นถูกขโมยเงินจากบัญชีไป และมีภาพของตนตอนส่งมอบโทรศัพท์ไปเกี่ยวข้องด้วย จึงได้เข้าแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายอานนท์วัฒน์ ไม่เคยเห็นหน้าและติดต่องานกันมาก่อน และไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหลอกลวงในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็รับงานฟรีแลนซ์มาตลอด แต่ไม่เคยมีปัญหา เคสนี้เป็นเคสแรกที่ถูกหลอกให้ทำงาน จึงต้องยุติบทบาทการเป็นผู้ประกาศ และหยุดรับงานฟรีแลนซ์ การหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เคยพบและเกิดขึ้นมาก่อน ยอมรับว่าในชีวิตไม่เคยคิดทำงานสกปรก อยู่ในทางสีเทา ยืนยันความบริสุทธิโดยได้ให้ข้อมูลทุกอย่างกับตำรวจด้วยดีมาตลอด
ในขณะที่ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง แจ้งเตือนว่า หากเกิดกรณีเช่นนี้ หากโทรศัพท์มือถือที่ไม่ใช่ของตัวเอง ขอให้ทำการล้างข้อมูลในเครื่องก่อนใช้งาน เนื่องจาก อาจมีฝังโปรแกรมดูดข้อมูล เพื่อสร้างความเสียหายไว้ได้
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน