เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากมีคำสั่งคสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 เร่งรัดเจรจาเพื่อคัดเลือกบริษัทเอกชนเข้ามาบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ รวมทั้งการเชื่อมต่อ 1 สถานีระหว่างสถานีบางซื่อ (สายสีน้ำเงิน) กับสถานีเตาปูน (สายสีม่วง) นั้น ขณะนี้คณะกรรมการ รฟม.ได้กำหนดหลักเกณฑ์ส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสาร และการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 1 สถานี และรับฟังความเห็นของสศช. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และกรรมการป้องกันการทุจริต เพื่อเสนอรมว.คมนาคม เรียบร้อยแล้ว จากนี้ ไปคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนและคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะกำหนดกรอบเวลาวางระบบเดินรถและเชื่อมต่อ 1 สถานี และเจรจากับ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) เพื่อให้เข้ามาบริหารการเดินรถส่วนต่อขยาย เชื่อมต่อโครงข่ายให้เป็นระบบเดียวกัน ภายในเวลาไม่เกิน 60 วัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้ทุกขั้นตอนแล้วเสร็จ โดยคำนึงถึงความสะดวกของประชาชนเป็นอันดับแรก และขอให้ทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขเรื่องการเชื่อมต่อ 1 สถานี ที่เป็นปัญหาจะมาจากการทำสัญญาเดิมก่อนรัฐบาลนี้ จึงต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ดูทั้งเรื่องกฎหมายและการเจรจากับเอกชน เพื่อให้เกิดความรอบคอบและคุ้มค่าที่สุด ทั้งนี้ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทุกโครงการ ควรเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อวางแผนทำงานให้เป็นระบบ มองทุกเรื่องอย่างครบวงจรและต่อเนื่อง แม้จะแยกสัญญาแล้ว รวมทั้งให้ประชาชน รัฐวิสาหกิจ และสหภาพแรงงาน ร่วมติดตามการทำงานของรัฐด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่มีผู้ใช้บริการไม่เป็นไปตามเป้า หลังเปิดเดินรถเมื่อ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนกำลังปรับตัวและวางแผนการเดินทาง และขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชน โดยพล.อ.ประยุทธ์ กำชับให้รฟม.หาวิธีการดึงดูดผู้โดยสาร เช่น ปรับราคาค่าโดยสาร หรือจัดรถให้บริการเชื่อมต่อระหว่างสถานีเตาปูนกับสถานีบางซื่อ เป็นต้น